โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง เป็นโรคที่ไม่ค่อยแสดงอาการ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มีอาการรุนแรง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว อาจทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตหรืออันตรายถึงแก่ชีวิต
นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการบางลงของผนังหลอดเลือดสมอง ทำให้ผนังเส้นเลือดสมองโป่งพองออกคล้ายบอลลูนและแตกออกง่าย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่ โรคทางพันธุกรรมบางชนิด ประวัติโรคเส้นเลือดสมองโป่งพองในครอบครัว โรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษา การสูบบุหรี่ และอายุที่มากขึ้น
อาการโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ แต่อาการจะแสดงก็ต่อเมื่อเส้นเลือดแตก หรือมีการโป่งพองจนไปกดทับเนื้อเยื่อสมองหรือเส้นประสาทสมอง จนทำให้มีอาการต่างๆ ได้ เช่น ปวดหัวอย่างรุนแรง อาเจียน มองเห็นภาพซ้อน คอแข็ง ตามัว ชัก หนังตาตก หมดสติ หน้าเบี้ยวครึ่งซีก มีอาการเหน็บชาตามร่างกายครึ่งซีก พูดไม่ได้ พูดไม่ชัด และมีอาการกลืนลำบาก
ส่วนใหญ่คนที่เป็นโรคเส้นหลอดเลือดสมองโป่งพองจะไม่ค่อยมีใครรู้ตัว ยกเว้นจะมีอาการปวดหัวรุนแรง การตรวจสุขภาพจึงเป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้ตรวจพบโรคเส้นเลือดสมองโป่งพองได้ ซึ่งการวินิจฉัยเส้นเลือดโป่งพองในสมอง สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan), หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI ) เพื่อมองหาความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง และการตรวจหลอดเลือดสมองด้วยการฉีดสารทึบรังสี (Cerebral Angiography) ที่จะช่วยทำให้ทราบถึงภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองได้ละเอียดมากขึ้น
สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองสามารถทำได้หลายวิธีคือ การรักษาผ่านสายสวนหลอดเลือดแดง ใส่ขดลวดเพื่ออุดหลอดเลือดส่วนที่โป่งพอง, การผ่าตัดเปิดกระโหลกศีรษะที่ใช้การหนีบเส้นเลือดเพื่อหยุดการไหลของเลือดเข้าไปในบริเวณที่มีเส้นเลือดโป่งพอง และการรักษาที่กำลังได้รับความนิยมคือการใช้เครื่อง Biplane DSA (Biplane Digital Subtraction Angiography) ซึ่งเป็นเครื่องเอกซเรย์ชนิดพิเศษที่สามารถถ่ายภาพหลอดเลือดได้สองระนาบในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถมองเห็นตำแหน่งและรูปร่างของหลอดเลือดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการรักษาแพทย์จะทำการใส่วัสดุอุปกรณ์เล็กๆ เท่ากับด้ามปลายปากกาเข้าที่ขาหนีบร่วมกับการใส่สายสวนขนาดเล็กผ่านเครื่องมือขนาดเล็ก ขึ้นไปที่หลอดเลือดสมองแล้วทำการฉีดสารทึบรังสี ด้วยการหมุนของเครื่อง Biplane DSA ทำให้สามารถสร้างภาพที่มีลักษณะชัดเจน เพื่อที่จะได้คำนวณขนาดของขดลวดที่จะทำการรักษา ทำให้การรักษาเป็นไปได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วกว่าเครื่องที่ตรวจสารทึบรังสีแบบดังเดิม
ซึ่งการรักษาโดยใช้เครื่อง Biplane DSA ทำให้ผู้ป่วยได้รังสีน้อยกว่าเครื่องในสมัยก่อน ใช้เวลาในการรักษาสั้นกว่า ไม่มีแผลผ่าตัด แผลเล็กเท่ากับเข็มฉีดยาหรือการเจาะเลือดที่ขาหนีบเท่านั้น ลดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ประสาทศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้รับรางวัล Outstanding Company Performance Awards และ Best Company Performance Awards บนเวที SET Awards 2025
สภากาชาดไทย ร่วมกับโรงพยาบาลรามคำแหง เชิญร่วมบริจาคโลหิต ครั้งที่ 57
"ผ่าตัดกระเพาะ" ทางเลือกช่วยลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน รักษาโรคอ้วน ป้องกันโรคเรื้อรัง
ReGenMed เปิดตัว "Nuvita? ClearPath+" ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูสุขภาพจากภาวะ Long Covid ที่ได้รับการรับรองจากอย. เป็นรายแรกในภูมิภาคเอเชีย
กรมอนามัย ลุยเท้า เฝ้าระวังสุขภาพ ตรวจคลอรีน โรยปูนขาว ป้องกันกลิ่น-เชื้อโรค
Health at Work พลิกเกมการดูแลสุขภาพวัยทำงาน ให้มีเพื่อนเป็น "หมอ" ปรึกษาได้ผ่าน LINE HEALTH
The Berry Joy is Back! Driscoll's Spreads Holiday Cheer with a Fun-Filled Roadshow Across Bangkok
เกษตรฯ เผยแผนฟื้นฟูน้ำท่วมภาคใต้ ด้านพืช เน้นฟื้นดิน-ฟื้นต้น-ป้องกันโรค หลังน้ำลด
เวทีการแสดงเพื่อเด็กและเยาวชน นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เดือนธันวาคม