เป้าหมายในการขยายผลสำเร็จโครงการหลวงภายใต้การดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เพื่อพัฒนาให้ชุมชนบนพื้นที่สูงอยู่ดีมีสุขอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยใช้องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และการพัฒนาแบบองค์รวม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมของพื้นที่ มุ่งเน้นการส่งเสริมพืชทางเลือกใหม่ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างรายได้ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ทำกินร่วมกับกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการปลูกผักอินทรีย์ ส่งผลให้ "ชุมชนห้วยก้างปลา" เป็นชุมชนต้นแบบในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเต็มศักยภาพ
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา มีพื้นที่ดำเนินงานตามขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำจันครอบคลุม 9 หมู่บ้าน ของตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ประชากรประกอบด้วย ชนเผ่าลีซู ลาหู่ อาข่า เมี่ยน จีน ลั๊วะ และคนเมือง อุปสรรคของการพัฒนาคือ พื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีการถือครองที่ดินค่อนข้างจำกัดเฉลี่ย 2-5 ไร่ต่อครัวเรือนและชาวบ้านมากกว่า 278 ครัวเรือน ไม่มีที่ดินทำกิน ชุมชนมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพียง 25,000 บาทต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ภายในครอบครัว
นายประสิทธ์ วงศ์ผา หัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) กล่าวว่า สวพส. ได้ใช้กลไกเชิงนโยบายที่เอื้อต่อกระบวนการมีส่วนร่วม อาศัยองค์ความรู้ตามแนวทางโครงการหลวง ขับเคลื่อนด้วยการจัดทำแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่ เกิดกระบวนการจัดการความรู้แก้ไขปัญหาการมีพื้นที่ทำกินจำกัดของชุมชนโดยการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนระบบการทำเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นระบบเกษตรประณีต ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปลูกผักในโรงเรือนในระบบปลอดภัยและระบบอินทรีย์ ร่วมกับการพัฒนากลุ่มเกษตรกรภายใต้ชื่อ "กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน" เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการตลาดทำให้ปัจจุบันพื้นที่ "ห้วยก้างปลา" เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยครอบครัวละ 76,000 บาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีรายได้ จากการจำหน่ายผักอินทรีย์ประมาณ 2.4 ล้านบาท โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจันเป็นแกนหลักที่เข้มแข็ง และมีศักยภาพในการบริหารจัดการตลาด สามารถสร้างตราผลิตภัณฑ์ชุมชน โอบดอย ออร์แกนิค ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่คนในชุมชนสามารถนำมาถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงอื่นๆ ด้วย
นายเกาชิง แซ่กง เกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา กล่าวว่า เมื่อก่อนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหลักมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งรายได้ยังไม่พอเลี้ยงครอบครัวและยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา โดยทำผักเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก อาทิ คะน้าฮ่องกง เบบี้ฮ่องเต้ ผักกาดหอม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 โรงเรือน สามารถสร้างรายได้ประมาณ 5,250 บาทต่อรอบต่อ 1 โรงเรือน หรือประมาณ 200,000 บาทต่อปี นอกจากนั้นยังเลี้ยงหมูหลุมเพื่อนำมูลมาทำปุ๋ยไว้ใช้เอง ลดการซื้อปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปัจจุบันได้รวมกลุ่มกับเกษตรกรเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน และนำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับบริษัท รวมถึงจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ โอบดอย ออร์แกนิค ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่ม ครอบครัวและชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้และมีภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มิสแกรนด์สงขลาและสตูล จับมือ Bitkub Blockchain Technology ?ประยุกต์ใช้ NFT Solution ยกระดับวงการนางงามสู่โลกดิจิทัล พร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน BITKUB SUMMIT 2025
ผู้ใหญ่กว่า 66% ในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD ยังขาดความรู้ด้านการเงิน: การมีส่วนร่วมคือคำตอบ
'ยานน์ มาร์เดนโบโร' นักแข่งรถมืออาชีพ และ INTERPOL ร่วมงาน Kaspersky SAS 2025
โรบินฮู้ด เปิดตัว "Robinhood Coin" ยกระดับความสัมพันธ์กับลูกค้า สู่ชุมชนแฟนพันธุ์แท้แห่งแรกในวงการ Food Delivery ไทย
สบส. จัดกิจกรรม CSR ส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก สร้างสังคมแห่งสุขภาวะ
efin Group ร่วมจัดกิจกรรม "Friday Meeting" แก่นิสิตหลักสูตร CEDT จุฬาฯ เสริมทักษะ Soft Skills และแนะแนววางแผนการเงินอย่างยั่งยืน
ปตท. นำร่อง เป็นบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งแรก ร่วมโครงการลงทุนของ เจ.พี. มอร์แกน สนับสนุนเทคโนโลยีการดักจับขยะพลาสติกในแม่น้ำ
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ คว้า 2 รางวัลจากเวที HR Excellence Awards 2025 Thailand