ม.มหิดลเตรียมสร้าง Digital Medical Hub ขยายผลโลจิสติกส์ จากภาคสาธารณสุข สู่ภาคการเกษตร

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

จากความสำเร็จที่ได้ออกแบบระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ นับตั้งแต่ช่วงวิกฤติ COVID - 19 ที่ผ่านมาของ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน (LogHealth) ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จนได้ส่งต่อเทคโนโลยีสู่ชุมชนทั่วประเทศ

ม.มหิดลเตรียมสร้าง Digital Medical Hub ขยายผลโลจิสติกส์ จากภาคสาธารณสุข สู่ภาคการเกษตร

ปัจจุบันเตรียมยกระดับสู่การเป็น "Digital Medical Hub" พร้อมขยายผลจาก "ภาคสาธารณสุข" สู่ "ภาคการเกษตร"

รองศาสตราจารย์ ดร.เดชรัตน์ สัมฤทธิ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน กลุ่มสาขาวิชาโลจิสติกส์และระบบขนส่งทางราง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เสนอแบบโมเดล "Quadruple Innovation Helix" รองรับการเชื่อมโลกดิจิทัลเพื่อพัฒนาภาคการเกษตรของไทย ภายใต้การสร้าง "ระบบนิเวศ" (Ecosystem) สำหรับรัฐ - มหาวิทยาลัย - อุตสาหกรรม และ กลุ่มประชาสังคม ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านภาคการเกษตร จากดั้งเดิมไปสู่ดิจิทัล

การประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งทางอุตสาหกรรม (IIoT) ในห่วงโซ่อุปทานภาคการเกษตรถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ และความโปร่งใสในกระบวนการผลิต ขนส่ง และกระจายสินค้า IIoT ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ สามารถติดตามสถานะของสินค้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว ขนส่ง จนถึงการจัดจำหน่าย โดยสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยจัดการสต็อกสินค้าและคาดการณ์ความต้องการของตลาดได้อย่างแม่นยำ

ในการขนส่งและการกระจายสินค้า IIOT ช่วยตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายในยานพาหนะ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และการสั่นสะเทือน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพของสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าที่เน่าเสียง่าย นอกจากนี้ยังช่วยวิเคราะห์และปรับเส้นทางการขนส่งเพื่อลดค่าใช้จ่าย และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมความยั่งยืนในการขนส่งสินค้า

IIoT ยังเพิ่มความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับของสินค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรับรองความปลอดภัยทางอาหาร ข้อมูลจาก IIoT สามารถบันทึกประวัติการปลูก การใช้สารเคมี และกระบวนการขนส่ง ทำให้ผู้บริโภคสามารถทราบถึงแหล่งที่มาของอาหารได้อย่างละเอียด อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรระบุและแก้ไขปัญหาในกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความเชื่อมั่นในคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า

การสร้างระบบนิเวศสำหรับการประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งทางอุตสาหกรรม (IIoT) ในการเตรียมความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานภาคการเกษตรของประเทศไทย ต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา รัฐบาล และกลุ่มประชาสังคม (Quadruple Innovation Helix)

โดยอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา และนำเทคโนโลยี IIoT มาใช้ในภาคการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการห่วงโซ่อุปทาน เช่น การติดตามผลผลิต และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สถาบันการศึกษาให้การสนับสนุนด้านวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในภาคการเกษตร

รัฐบาลมีบทบาทในการสร้างนโยบาย และกฎระเบียบที่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยี IIoT มาใช้ รวมถึงการสนับสนุนด้านการเงิน และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ช่วยลดต้นทุนการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่วนกลุ่มประชาสังคม หรือผู้ใช้มีความสำคัญในการให้ข้อเสนอแนะแบบจริงจังเกี่ยวกับความต้องการ และความคาดหวังของผู้ใช้ที่แท้จริง ข้อมูลและความคิดเห็นจากกลุ่มนี้ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น และสอดคล้องกับความเป็นจริงของการปฏิบัติ

การทำงานร่วมกันของทั้ง 4 กลุ่มนี้ช่วยสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งซึ่งสนับสนุนการใช้ IIoT ในห่วงโซ่อุปทานภาคการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างกลุ่มต่างๆ จะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในภาคเกษตร เช่น การเพิ่มผลผลิต การลดการใช้สารเคมี และการประหยัดน้ำ การบูรณาการเทคโนโลยี IIoT กับการปฏิบัติการเกษตรอย่างยั่งยืนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานได้อย่างแท้จริง

โดยการจัดการ "ข้อมูล" ให้เข้าสู่ "ระบบสารสนเทศ" จะก่อให้เกิด "การเรียนรู้" พร้อมพัฒนาสู่ "ปัญญา" สร้างคนสร้างชาติอย่างมั่นคง และยั่งยืน ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย สู่การเป็น "ปัญญาของแผ่นดิน" ได้ต่อไปในอนาคต

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th


ข่าวคณะวิศวกรรมศาสตร์+มหาวิทยาลัยมหิดลวันนี้

ม.มหิดลสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ฝึกบัลเล่ต์เสมือนจริง

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญแม้แต่ทางด้านศิลปะแห่งโลกตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการแสดงในหลากหลายสาขาอย่างเช่น "บัลเล่ต์" (Ballet) ที่ได้รับการบรรจุเป็นหลักสูตรพื้นฐาน เพื่อการเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญทั่วโลก ศาสตราจารย์ ดร.ไพศาล มุณีสว่าง อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะ "ปัญญาของแผ่นดิน" ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้มีโอกาสร่วมวิจัยกับนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยโตรอน

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกั... วิศวะมหิดล สร้างสรรค์ "จดจำ" อุปกรณ์จดบันทึกเพื่อน้องในโลกมืดและผู้พิการทางสายตา — คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โ...

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดย ... วิศวะมหิดล ผนึกความร่วมมือกับ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี พัฒนาเยาวชน การศึกษา และการวิจัย — คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำโดย รศ.ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์...

การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอาหาร ยังคงมี... ม.มหิดลมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีอาหารยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและประเทศชาติ — การใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาอาหาร ยังคงมีความท้าทายในทุกยุคทุกสมัย เช่นเดียวกับมหาวิทยาล...

ปัจจุบันทั่วโลกตื่นตัวเตรียมพร้อมวัดและปร... ม.มหิดลแนะโลจิสติกส์สีเขียว สร้างได้ไม่เพิ่มต้นทุน เสริมเศรษฐกิจชาติยั่งยืน — ปัจจุบันทั่วโลกตื่นตัวเตรียมพร้อมวัดและประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างกว้างขวา...

ข่าวดีสำหรับเยาวชนนักเรียน ในการเตรียมตัว... 7 ก.ย. วิศวะมหิดล จัดเวิร์กชอปเพื่อเยาวชน "เตรียม Port(folio)แบบตัวตึง สอบสัมภาษณ์แบบถึงใจ" — ข่าวดีสำหรับเยาวชนนักเรียน ในการเตรียมตัวศึกษาต่อสู่อนาคตที่...

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตอกย้ำ... วิศวะมหิดล เดินหน้าพัฒนา 'วิศวศึกษายุคใหม่' ผนึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจากญี่ปุ่นและไต้หวัน — คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตอกย้ำความร่วมมือกับ มห...