TMAN ประกาศราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 16.30 บาท จองซื้อวันที่ 10-11 และ 15 ตุลาคม 67 นี้ โดยวางแผนปรับปรุงประสิทธิภาพและ/หรือขยายกำลังการผลิต ขยายส่วนงาน R&D และขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ สร้างการเติบโตธุรกิจอย่างยั่งยืน ก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ
'บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล' หรือ TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และ/จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทยมากว่า 50 ปี ประกาศราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 16.30 บาท เปิดจองซื้อวันที่ 10-11 และ 15 ต.ค. 67 คาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนตุลาคมนี้ โชว์ผลดำเนินงานงวด 6 เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2567 รายได้จากการขาย 1,105.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านผู้บริหารมุ่งลงทุนขยายกิจการ เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพและ/หรือขยายกำลังการผลิต ทั้งกลุ่มยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ และวางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น
นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า TMAN ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 16.30 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 10-11 และ 15 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ "TMAN" ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดย TMAN จะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 102 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.75 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ แบ่งเป็น 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 71,430,000 หุ้น และ 2) หุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 30,570,000 หุ้น โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินดังนี้ 1. ใช้เป็นเงินทุนในการขยายกำลังการผลิต และ/หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หรือการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ และ 2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม
เพื่อแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของผู้ถือหุ้นและผู้ก่อตั้งบริษัทฯ กลุ่มครอบครัวฐานะโชติพันธ์มีแผนตกลงและยินยอมโดยความสมัครใจที่จะไม่ขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ โดยคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 78.0 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 19.5 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ เป็นระยะเวลา 180 วัน นับจากวันที่หุ้นสามัญของบริษัทฯ เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Voluntary Share Lockup) ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นสามัญที่ถูกห้ามขายตามที่กำหนดในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ (Regulatory Lockup) โดยคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 220.0 ล้านหุ้น หรือเท่ากับร้อยละ 55.0 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ จะถือเป็นการ Lockup ทั้งหมด จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 298.0 ล้านหุ้น ร้อยละ 74.5 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ
"การกำหนดราคาหุ้นสามัญที่จะเสนอขายในครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันและนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ในแต่ละระดับราคา โดยการกำหนดราคาสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่มั่นคงของกลุ่มบริษัท" นายทินพันธุ์ กล่าว
นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบริษัท วางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) มุ่งเน้นสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับ 2) ขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล ห่วงโซ่ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยา 3) พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน 4) เพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM/ODM) 5) เพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจัดจำหน่าย 6) เพิ่มการเติบโตของรายได้จากการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ 7) สรรหาบุคลากรสำคัญที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับการดำเนินงานในอนาคต 8) ขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
ล่าสุด บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 5 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ TMAN ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
"การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดโอกาสให้ TMAN เพิ่มขีดความสามารถวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของกลุ่มบริษัทให้รวดเร็วและควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังการผลิต ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการลงทุนเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กลุ่มบริษัทขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน" นายประพล กล่าว
นายตรัส อบสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ TMAN กล่าวว่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพรวม 226 แบรนด์ และรับจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก 16 แบรนด์ รวมทั้งสิ้นกว่า 842 ผลิตภัณฑ์ (SKUs) ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขาย 1,105.2 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มโรคทางเดินหายใจ การขยายตัวของตลาดต่างประเทศและความต้องการใช้ในประเทศ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ เม็ดอมบรรเทาอาการเจ็บคอแบรนด์ Propoliz และยาอมแก้เจ็บคอแบรนด์ Basina รวมทั้งรายได้จากกลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) จากความต้องการกลุ่มลูกค้าร้านขายยาเพิ่มขึ้น และรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ยาลดไขมันในเลือดแบรนด์ ATTOR ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในการคิคค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
นายธนัท พลอยดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ TMAN กล่าวว่า การจำหน่ายยาในประเทศไทยยังมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2566 - 2568 คาดว่ามูลค่าจำหน่ายยาจะเติบโตเฉลี่ยที่ ร้อยละ 5.0 - ร้อยละ 6.0 ต่อปี อ้างอิงจาก Krungsri Research โดยมีปัจจัยจากทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการในไทยมากขึ้น ตลอดจนการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประชาชน ทำให้ความต้องการบริโภคยาเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการจำหน่ายยาผ่านโรงพยาบาลจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6.3 ต่อปี ส่วนมูลค่าการจำหน่ายผ่านร้านขายยา (OTC) จะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.0 ต่อปี นอกจากนี้ จากข้อมูลการคาดการณ์จาก Euromonitor อุตสากรรมสุขภาพยังได้รับปัจจัยบวกจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ มลภาวะที่เพิ่มขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยคาดว่าจะสนับสนุนตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Vitamins and Dietary Supplements) เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 8.4 ต่อปี ในช่วงปี 2564 - 2568 จึงเป็นโอกาสเติบโตของกลุ่มบริษัท
สำหรับแผนการลงทุนรองรับการเติบโตในอนาคต คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 777.5 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร 8 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมโดยประมาณไม่เกิน 298.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน โดยลงทุนติดตั้งเครื่องจักร รวมถึงระบบที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตยาแผนปัจจุบันประเภท เม็ด น้ำ และครีม 2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยลงทุนซื้อเครื่องจักรสำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์สมุนไพรลงบรรจุภัณฑ์ 3) โครงการขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา 4) โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานของบริษัท เฮเว่น เฮิร์บ จำกัด 5) โครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยการลงทุนซื้อเครื่องจักรดังกล่าวจะช่วยให้กลุ่มบริษัทสามารถผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทรูปแบบของแข็ง (Solid Dosage Form) 6) โครงการพัฒนาระบบงานขายบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 7) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน และ 8) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและปรับปรุงพื้นที่เพื่อติดตั้งเครื่องจักรสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบน้ำ
ขณะเดียวกัน โครงการลงทุนในอนาคตจำนวน 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมโดยประมาณไม่เกิน 479.0 ล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ 2) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 1 โดยลงทุนปรับปรุงอาคารของโรงงานผลิต รวมถึงติดตั้งเครื่องจักร และระบบต่างๆ สำหรับการทดลองผลิตผลิตภัณฑ์ตัวอย่างและผลิตภัณฑ์รูปแบบของแข็ง (Solid Dosage Form) 3) โครงการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) 4) โครงการปรับปรุงพื้นที่การผลิตยาแผนปัจจุบัน โดยจะลงทุนปรับปรุงพื้นที่เก็บยา ปรับปรุงอาคารสำหรับการจัดเก็บวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ และปรับปรุงพื้นที่ตามสายการผลิต และ 5) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 2 โดยโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study)
TMAN ชูศักยภาพผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น ปักธงลงทุนยกระดับเทคโนโลยีการผลิต พัฒนานวัตกรรมยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนหลังเข้าเทรด SET
TMAN ปลื้มนักลงทุนรายย่อยและสถาบันจองหุ้น IPO ล้นหลาม คาดว่าจะพร้อมนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ 22 ต.ค. นี้
บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล' ประเมินอุตสาหกรรมยา ไตรมาส 4 เติบโต สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหนุนดีมานด์เพิ่ม พร้อมเดินหน้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
แอสตร้าเซนเนก้า ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญนานาชาติในงานประชุม Asia COPD & SEA Summit 2025 เผยนวัตกรรม "Triple Therapy" และ "Biologics"
บำรุงราษฎร์ โชว์โมเดลนวัตกรรมสุขภาพรับอนาคต บนเวที Future Forum 2025 พร้อมชู "Human Touch" คือหัวใจแห่งความยั่งยืน
"MEDEZE" คว้ารางวัล "ธุรกิจด้านสุขภาพยอดเยี่ยมแห่งปี" ตอกย้ำผู้นำด้านนวัตกรรมสุขภาพสู่เป้าหมาย "HEALTH Economy" แห่งอนาคต
"MEDEZE" ร่วมบรรยายพิเศษในงาน "Bumrungrad Care for Children 2025" ตอกย้ำบทบาทผู้นำนวัตกรรมสุขภาพระดับภูมิภาค
MEDEZE เปิดบ้านต้อนรับผู้บริหารบำรุงราษฎร์ ชูศักยภาพแล็บมาตรฐานสากล ขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้