เอ็นไอเอโชว์ 3 นวัตกรรมรองรับโรครักษายาก - ค่าใช้จ่ายสูงด้วยเอไอและดีพเทค หนุนเทรนด์ Innovative Healthcare พร้อมนำนวัตกรรมเข้าถึงทุกการดูแลสุขภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA หนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงฝีมือคนไทยเพื่อรองรับกลุ่มโรคที่พบบ่อย และโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง โดยเป็นนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีเชิงลึก (DeepTech) ได้แก่ เทคโนโลยีการส่องกล้องทางเดินอาหารด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อรองรับการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์สำหรับการคัดกรองมะเร็งเต้านม และแพลตฟอร์มคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดจากกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยปัญญาประดิษฐ์ โดยการส่งเสิมนวัตกรรมดังกล่าวมีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการนำนวัตกรรมของไทยไปใช้ในวงกว้าง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีและอุปกรณ์การแพทย์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และช่วยทำให้งบประมาณด้านการรักษาพยาบาลของไทยมีราคาถูกลง

เอ็นไอเอโชว์ 3 นวัตกรรมรองรับโรครักษายาก - ค่าใช้จ่ายสูงด้วยเอไอและดีพเทค หนุนเทรนด์ Innovative Healthcare พร้อมนำนวัตกรรมเข้าถึงทุกการดูแลสุขภาพ

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการแพทย์ไทยมีความตื่นตัวในการพัฒนานวัตกรรมและกลไกการรักษาด้วยเทคนิคการแพทย์ขั้นสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรคที่พบบ่อยซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูง ทั้งนี้ นอกจากจะทดแทนการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการรักษาในหลายพื้นที่ด้วยนวัตกรรมการแพทย์ที่มีราคาถูกลง

NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรมของประเทศเห็นโอกาสและศักยภาพการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะนวัตกรรมเพื่อการวินิจฉัยหรือรักษาด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญต่อโรคที่รักษาได้ยาก การลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ การรับมือสถานการณ์ทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ลดต้นทุนบริการทางสุขภาพ ตลอดจนเพิ่มมูลค่าให้กับนวัตกรรมการแพทย์ไทยให้ได้รับการยอมรับระดับโลก

"วงการแพทย์ของไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์โดยประยุกต์วิธีการรักษากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases : NCD) เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน และโรคหลอดเลือด ที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาด้วย Innovative Healthcare ซึ่งมีบทบาทช่วยส่งเสริมและปรับเปลี่ยนกระบวนการรักษาแบบเดิมให้มีความถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำขึ้น โดยปัจจุบัน NIA มีการส่งเสริมกลุ่มนวัตกรรมเพื่อรองรับภาวะดังกล่าวซึ่งมีตัวอย่างนวัตกรรมดังต่อไปนี้"

  • AI สำหรับการคัดกรองมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับหนึ่งของผู้หญิง และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในผู้หญิง เพราะส่วนใหญ่ไม่มีอาการนำ ดังนั้น การเพิ่มโอกาสการรักษาจำเป็นจะต้องทำการตรวจคัดกรองสม่ำเสมอเมื่อมีภาวะเสี่ยงด้วยเทคโนโลยีการตรวจแมมโมแกรม แต่อย่างไรก็ตามการอ่านภาพแมมโมแกรมยังมีความท้าทายหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านสรีระของประชากร การขาดแคลนแพทย์รังสีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจ และการเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองของกลุ่มผู้หญิงที่มีความเสี่ยง ผ่านโครงการ "การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์สำหรับการคัดกรองมะเร็งเต้านมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดไทยและต่างประเทศ" โดยอาศัยเทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยี Web/Mobile application ช่วยแพทย์ในการวิเคราะห์รอยโรคและวินิจฉัยคัดกรองมะเร็งเต้านม ทำให้แพทย์สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ในระยะเริ่มต้น โดยการอ่านผลด้วยแพทย์รังสีและระบบปัญญาประดิษฐ์ร่วมกันเพื่อแยกกลุ่มที่สงสัยจะมีความผิดปกติส่วนน้อยออกมาเพื่อดำเนินการต่อ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองผู้ป่วยในและต่างประเทศอย่างรวดเร็วและถูกต้องตามการยอมรับของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแท้จริง
  • DeepGI ส่องกล้องทางเดินอาหารด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรที่เสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้สูงเป็นอันดับ 4 และมีแนวโน้มที่อัตราผู้ป่วยมะเร็งลำไส้จะเพิ่มขึ้น ซึ่งการรักษาในปัจจุบันนิยมใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง Endoscopic เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ถูก และรวดเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเดิม อีกทั้งมะเร็งลำไส้เป็นโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟักตัว ดังนั้น หากตรวจพบได้เร็วจะทำให้มีโอกาสหายได้ รัฐบาลจึงสนับสนุนการตรวจคัดกรอง (Screening test) ในประชากรอายุมากกว่า 50 ปีซึ่งมีจำนวนมากกว่า 12 ล้านคน ปัจจุบันสถานพยาบาลของรัฐจำนวน 13,364 แห่ง แต่มีหน่วยส่องกล้องทางเดินอาหารที่มีศักยภาพและความพร้อมประมาณ 2,000 แห่ง และโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 370 แห่ง ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งด้านจำนวนสถานพยาบาล และบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะการผ่าตัดแบบส่องกล้องต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงในการวินิจฉัย บริษัท อี.เอส.เอ็ม.โซลูชั่น จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EMR ในโรงพยาบาลด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และมีความชำนาญด้านการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการส่องกล้อง จึงได้พัฒนาระบบ AI ที่เรียกว่า DeepGI มาช่วยตรวจจับความผิดปกติในทางเดินอาหารขณะส่องกล้อง และนำระบบดังกล่าวมาต่อยอดเทคโนโลยีให้มีความสามารถมากขึ้น เหมาะกับการใช้งาน และมีประสิทธิภาพ ภายใต้เทคโนโลยี "Scope-Life Studio" ที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก NIA ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้แพทย์ทำการตรวจรักษาแบบส่องกล้องได้แม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยงบประมาณที่เข้าถึงได้ในการรักษาภายในประเทศ อีกทั้งยังสามารถแข่งขันในระดับโลกได้อีกด้วย
  • EIPCA แพลตฟอร์มช่วยคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดจากกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยปัญญาประดิษฐ์ โรคทางหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก และทุกปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวมากถึงปีละ 17.9 ล้านคน ซึ่งเกิดจากการคัดกรองโรคหัวใจที่ล่าช้าและเข้าถึงได้ยาก โดยในประเทศไทยมีศูนย์โรคหัวใจเพียง 37 แห่งเท่านั้น ทำให้การตรวจคัดกรองต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อผู้เข้ารับการรักษาหนึ่งคน จากปัจจัยข้างต้นสนับสนุนให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เจ้าของรางวัลชนะเลิศ รางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 คิดค้นและพัฒนา "EIPCA แพลตฟอร์มช่วยคัดกรองโรคหัวใจและหลอดเลือดจากกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยปัญญาประดิษฐ์" เป็นเครื่องมือสำหรับคัดกรองโรคหัวใจด้วยการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาที่ช่วยเพิ่มอัตราการเข้าถึงการคัดกรองโรคหัวใจด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อประมวลผลกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ทำให้สามารถคัดกรองและประเมินความเสี่ยงได้ง่ายขึ้นด้วยตนเอง แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจในโรงพยาบาล ผ่าน 3 ขั้นตอน คือ 1) ทำแบบประเมินความเสี่ยง 2) วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วย EIPCA-Device และ 3) รับผลผ่าน EIPCA-Web-Application ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งในคอมพิวเตอร์ แทปเลต และโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ผู้ตรวจทราบถึงความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและสามารถปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำ หรือ เข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตากโรคหัวใจและหลอดเลือดลงได้

ข่าวo:editor+o:healวันนี้

BASE Bangkok จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป เสริมสร้างความแข็งแรงแบบครบวงจร นำโดยโค้ชผู้เชี่ยวชาญ จามาล ยูนิส

BASE Bangkok สตูดิโอออกกำลังกายชั้นนำด้านการเสริมสร้างความแข็งแรง ที่ได้คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย ประกาศจัดการฝึกความแข็งแรงแบบเฉพาะทาง 3 เวิร์กช็อปด้วยกัน นำโดยโค้ชจามาล ผู้ได้รับการรับรองเป็น Professional Barbell Coach (PBC) โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนกันยายนและตุลาคม 2568 เวิร์กช็อปนี้มุ่งเน้นการฝึกเทคนิคพื้นฐานการยกน้ำหนักที่สำคัญ ได้แก่ ท่าเบนช์เพรส (Bench Press) ท่าสควอท (Squat) และท่าเดดลิฟท์ (Deadlift) กิจกรรมเวิร์กช็อปนี้เริ่มต้นด้วย "พื้นฐานเบนช์เพรสและโอเวอร์เฮดเพรส" ในวันที่ 20 กันยายน

"การกรน" เป็นสัญญาณของภัยเงียบที่ร้ายแรงก... "ใครกรนต้องรู้! มจธ. พัฒนา 'หมอนรองคออัจฉริยะ' สั่นเตือนก่อนคุณหยุดหายใจ" — "การกรน" เป็นสัญญาณของภัยเงียบที่ร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิด เพราะคือเสียงเตือนของ...

เคยสังเกตไหมว่า ปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงวัย 3... ครีมถุงใต้ตา ไอเท็มกู้ผิวรอบดวงตาสำหรับผู้หญิงวัย 30+ — เคยสังเกตไหมว่า ปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงวัย 30+ ดูอ่อนล้ากว่าที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ริ้วรอยบนหน้าผาก แต่กล...

โรงพยาบาลหัวเฉียว ห่วงใยดวงตาของคุณ ด้วยแ... คืนความสดใสให้ดวงตา มองโลกชัดเจนในทุกวัน — โรงพยาบาลหัวเฉียว ห่วงใยดวงตาของคุณ ด้วยแพ็กเกจเหมาจ่ายผ่าตัดโรคทางจอประสาทตา โดยจักษุแพทย์เฉพาะทาง...

A tour of national pavilions: highlights from 2025 CIFTIS

2025 CIFTIS The 2025 China International Fair for Trade in Services (CIFTIS) was held in Beijing from Sept. 10 to 14, drawing exhibitors from 85 countries and international organizations. https://xhnewsapi.xinhuaxmt.com/share/news_pc?id...