เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้ง เผยแนวโน้มการลงทุนครึ่งปีหลัง 2567 ชูตราสารหนี้และหุ้นคุณภาพ เป็นโอกาสการลงทุนเพื่อการเติบโตและผลกำไร

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้ง ("HSBC GPB") มองตราสารหนี้และหุ้นคุณภาพเป็นโอกาสการลงทุนครึ่งปีหลังปี 2567 จาก 3 ปัจจัยบวก "เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น - ผลกำไรของภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น - การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง"

เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้ง เผยแนวโน้มการลงทุนครึ่งปีหลัง 2567 ชูตราสารหนี้และหุ้นคุณภาพ เป็นโอกาสการลงทุนเพื่อการเติบโตและผลกำไร

พร้อมคาดการณ์จีดีพีโลกและสหรัฐฯ ปีนี้ ยังเติบโตมั่นคงที่ร้อยละ 2.6 และ 2.4 ในขณะที่จีดีพีเอเชียโตร้อยละ 4.7 ระบุแม้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงร้อยละ 1.5 ในไตรมาส 1 ของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่การใช้จ่ายในประเทศยังแข็งแกร่ง เชื่อมาตรการทางการคลังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนด้านงบประมาณและกรอบระยะเวลาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการกลับมาของนักท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัยหนุนเศรษฐกิจโต

ทั้งนี้ HSBC GPB วางแผนการลงทุนด้วยกลยุทธ์ควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม และเลือกกระจายการลงทุนทั้งหมดในสินทรัพย์ลงทุนแทนการถือครองเงินสดในช่วงครึ่งปีหลัง  โดยเน้นกองทุนหุ้นโลก (Global Equities) พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasuries)  และตราสารหนี้ระดับน่าลงทุน (Investment grade bonds) ที่มีเครดิตดีทั่วโลก ทั้งนี้ ธนาคารให้น้ำหนักในการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สุดสุดสำหรับการลงทุนในกลุ่มหุ้นจากทั่วโลก แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนในกลุ่มหุ้นเอเชียด้วย โดยธนาคารฯ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเชื่อว่าจะยังมีแข็งแกร่งเนื่องจากปัจจัยสนับสนุน อาทิ มีอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงสูง (real yield) มีความแตกต่างของทิศทางค่าเงินจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลาง และมีความต้องการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

นางฟาน ชุค วาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชีย  เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้งแอนด์เวลธ์ เผย "ธนาคารฯ มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และยังคงเน้นการลงทุนด้วยการลดสัดส่วนเงินสดไปเพิ่มการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเราเชื่อว่าปัจจุบันได้ผ่านจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้และจุดต่ำสุดของภาวะเศรษฐกิจโลกมาแล้ว ซึ่งหมายความว่าผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนต่อไปจะขับเคลื่อนด้วยสองปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่สูงดึงดูดนักลงทุนและการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ"

"ทั้งนี้ โอกาสเติบโตของกำไรของภาคธุรกิจได้รับแรงหนุนจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นและแรงกดดันด้านต้นทุนที่เริ่มคลี่คลาย โดยอุปสงค์ภายในประเทศของสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่เศรษฐกิจในยุโรป และสหราชอาณาจักรก็เริ่มฟื้นตัว ซึ่งเราคาดการณ์ว่าในปีนี้การเติบโตของจีดีพีโลกและสหรัฐฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคงที่ร้อยละ 2.6 และ 2.4 ตามลำดับ นอกจากนั้น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดของจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 4.9 ในปีนี้ ส่วนเศรษฐกิจอินเดียจะยังคงเติบโตสูงกว่าคาดการณ์ในหลายด้าน ซึ่งสอดคล้องกับที่เราเคยประเมินเอาไว้ว่า เศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตที่ร้อยละ 7.3 ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้ภายใต้แรงผลักดันจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้เรากำลังขยายภาพการลงทุนไปยังภูมิภาคและอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นในพอร์ตการลงทุนหุ้นทั่วโลกของเรา เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนและค้นหาหุ้นที่น่าสนใจในราคาที่สมเหตุสมผล" นางฟาน กล่าวเสริม

4 กลยุทธ์การลงทุนสำหรับครึ่งหลังของปี 2567

นางฟานไฮไลท์  4 กลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลัง ได้แก่

  1. ขยายการลงทุนในหุ้นให้ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอันส่งผลต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทต่างๆ ในหลายภูมิภาคและหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น
  2. นำเงินสดไปลงทุนในตราสารหนี้และใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์หลายประเภท อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี การจัดสรรเงินลงทุนในตราสารหนี้และกลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์หลายประเภทสามารถช่วยสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต
  3. ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดและโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private assets) มอบผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหลักทรัพย์เมื่อเทียบในระยะยาว
  4. ปลดล็อกสู่โอกาสที่ดีที่สุดในเอเชีย เอเชียยังคงเป็นกลไกการเติบโตที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพีร้อยละ 4.7 และอัตราการเติบโตของผลตอบแทนร้อยละ 23 ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก โดยให้น้ำหนักการลงทุนกับหุ้นญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ซึ่งเรามองเห็นโอกาสดีที่สุดในการเข้าถึงธีมการเติบโตเชิงโครงสร้างของเอเชีย และมีมุมมองที่เป็นกลางต่อหุ้นฮ่องกงและจีน

แนวโน้มเศรษฐกิจไทย

นายเจมส์ เชียว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย        เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้งแอนด์เวลธ์ เผย เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงร้อยละ 1.5 ในไตรมาส 1 ของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566  แต่อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และการลงทุนในประเทศไทยก็ยังทรงตัว สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี มาตรการทางการคลังอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณและกรอบระยะเวลาของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐก็ตาม ส่วนการกลับมาของนักท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไฮซีซั่นในระหว่างเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2567 และพฤศจิกายน - ธันวาคม 2567

"แม้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในช่วงหลังของปี 2567 แต่เรายังคงรักษาจุดยืนต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าต้องใช้ความระมัดระวังโดยพิจารณาจากการประเมินศักยภาพในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาค ในขณะที่มองว่ามีโอกาสที่น่าสนใจมากกว่าในตลาดหุ้นอื่นๆ ของเอเชีย  นอกจากนั้นเรายังมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.5 ต่อไป " นายเจมส์ กล่าว

4 ธีมการลงทุน เพื่อคว้าโอกาสทองสร้างการเติบโตและรายได้ในเอเชีย

  1. เอเชียครองแชมป์การปฏิรูปบรรษัทภิบาล รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลในเอเชียต่างกำลังเร่งปฏิรูปองค์กรธุรกิจเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนและยกระดับมูลค่าตลาดหุ้นให้ทัดเทียมตลาดโลก โดยเราเชื่อว่าบริษัทในญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้จะได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปการกำกับดูแลกิจการนี้ เนื่องจากบริษัทในประเทศเหล่านี้มีเงินสดสำรองจำนวนมาก มีหนี้สินต่ำ และมีความสามารถทางการเงินในการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นผ่านเงินปันผล การซื้อหุ้นคืน และกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท
  2. การปรับโฉมห่วงโซ่อุปทานของเอเชีย กลุ่มผู้นำการผลิตระดับไฮเอนด์ของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างรวดเร็วในเอเชีย เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของโลก ส่วนในกลุ่มอาเซียนนั้น สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนามกำลังมีความแข็งแกร่งมากขึ้นในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากการเป็นตลาดใหม่ขนาดใหญ่และฐานการผลิตที่มีต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะสำหรับบริษัทจีนที่เติบโตได้ช้าลงในประเทศและต้องการขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยกลยุทธ์ China+1
  3. การเติบโตของอินเดียและอาเซียน ธีมการลงทุนนี้มาจากการเล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียและอาเซียนจากปัจจัยบวก ได้แก่ จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของชนชั้นกลาง การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ การใช้จ่ายเพื่อการลงทุนภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว
  4. คว้าผลตอบแทนการลงทุนในเอเชียจากตลาดอัตราดอกเบี้ยสูง เรามุ่งเน้นหาผลตอบแทนระดับสูงจากการลงทุนตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชียในกลุ่มที่มีอันดับเครดิตน่าลงทุน (IG) โดยเฉพาะในกลุ่มอายุคงเหลือ 5-7 ปี เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการที่อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ดูเหมือนจะเริ่มในเดือนกันยายน ทั้งนี้ เราคาดว่าธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียหลายแห่งจะเริ่มทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ดังนั้น เราจึงมุ่งเป้าการลงทุนไปที่ภาคการเงินของญี่ปุ่นและเกาหลีและตราสารหนี้ระดับการลงทุนของบริษัทเอกชน ตลอดจนตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นของอินเดีย รวมถึงลงทุนในตราสารหนี้ Quasi-Sovereign ระดับ IG ของอินโดนีเซีย และตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบันเทิงในมาเก๊า รวมทั้งกลุ่มเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคมในประเทศจีน

ข่าวo:member+o:finวันนี้

MASTEC ปิดจองซื้อหุ้น 79 ล้านหุ้น ยอดจองครบทั้งจำนวน ทั้งนักลงทุนสถาบันและรายบุคคล ระดมทุน 114.55 ล้านบาท ต่อยอดธุรกิจนวัตกรรม-สิ่งแวดล้อม รับเทรนด์ Net Zero เทรดใน SET 27 ต.ค. นี้

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC ปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวน 79 ล้านหุ้น นักลงทุนจองคึกคัก สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพทางธุรกิจโดยเฉพาะการเติบโตด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารมั่นใจเติบโตในครึ่งปีหลัง 2568 จากยอดค้างส่งประกอบกับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของบริษัท และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ดีเดย์ พร้อมลงสนามเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก 27 ต.ค.นี้ มั่นใจจะเป็นทั้งหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock หลังระดมทุนจำนวน 114.55 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายธุรกิจ

BANGKOK, 22 October 2025 PwC Thailand war... PwC Thailand warns of tougher tax audits as Thailand eyes OECD membership — BANGKOK, 22 October 2025 PwC Thailand warns that Thailand's tax and customs la...

มูลค่าแบรนด์ของอลิอันซ์ เพิ่มขึ้น 20% เพิ... อลิอันซ์ ตอกย้ำตำแหน่งแบรนด์ประกันภัยที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก แตะ 28.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ — มูลค่าแบรนด์ของอลิอันซ์ เพิ่มขึ้น 20% เพิ่มขึ้นจาก 56 พันล้านดอ...

บริษัทหลักทรัพย์ เคพีเอ็ม จำกัด (บล.เคพีเ... บล.เคพีเอ็ม เผยความสำเร็จ STELLA คืนเงินหุ้นกู้ครบตามกำหนด — บริษัทหลักทรัพย์ เคพีเอ็ม จำกัด (บล.เคพีเอ็ม) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและผู้แทนผู้ถือหุ้น...