เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงานความยั่งยืนฉบับที่ 25 ประจำปี 2566 เพื่อนำเสนอความความก้าวหน้าที่ ได้ดำเนินการตามวาระความยั่งยืนที่กำหนดไว้ โดยรายงานได้ระบุกรอบแนวทางที่เชื่อมโยงกันใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ ระบบอาหาร, การหมุนเวียนทรัพยากร, สภาพอากาศ, ธรรมชาติ และความยั่งยืนทางสังคม เต็ดตรา แพ้ค ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของความร่วมมือในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในระบบอาหารโลก โดยในส่วนของประเทศไทย เต็ดตรา แพ้ค ให้ความสำคัญลำดับแรกในการจัดเก็บรวบรวมและรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มที่ใช้แล้ว ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของเรา
รายงานความยั่งยืนฉบับล่าสุด[1] ยังเผยถึงความคืบหน้าของบริษัทฯตั้งแต่ปี 2562 ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า[2] ได้มากกว่า 20% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตได้กว่า 47% ซึ่งผลที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าการทำงานของเต็ดตรา แพ้ค เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องตามเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในการดำเนินงานของบริษัทภายในปี 2573[3] และสอดคล้องกับความมุ่งมั่นระยะยาวของบริษัทฯ ในการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ และมุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2593[4]
อีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญในปีที่ผ่านมา คือ การเปิดตัวกล่องเครื่องดื่มแบบปลอดเชื้อที่มีชั้นปกป้องทดแทนอะลูมิเนียมที่ผลิตจากเยื่อกระดาษ ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 33%[5] หรือหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์ดั้งเดิม ถือเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จที่เข้าใกล้เป้าหมายของเต็ดตรา แพ้ค ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารที่ยั่งยืนที่สุดในโลก[6] การพัฒนาดังกล่าวเป็นผลมาจากการลงทุนไปกว่า 100 ล้านยูโร หรือกว่า 3,900 ล้านบาท ในการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ในปี 2566 โดยเต็ดตรา แพ้ค ยังมีแผนในการลงทุนในทุกๆ ปีด้วยงบประมาณเดียวกันตลอดช่วงห้าถึงสิบปีข้างหน้า
นอกจากนั้น เต็ดตรา แพ้ค ยังสนับสนุนการพัฒนาโซลูชันหมุนเวียนทรัพยากร ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่สามารถรีไซเคิลได้ และขยายการจัดเก็บและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เพื่อเพื่อดึงวัสดุที่ใช้แล้วออกจากหลุมฝังกลบ สำหรับในประเทศไทย เต็ดตรา แพ้ค ได้ขับเคลื่อนโครงการรีไซเคิลกล่องเครื่องดื่มที่ทำให้มีการรวบรวมกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วกลับมารีไซเคิลได้มากกว่า 3,900 ตันในปี 2566 อีกทั้ง บริษัทฯ ยังจับมือกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมเดียวกันในการก่อตั้งเครือข่ายองค์กรความร่วมมือจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน(Packaging Recovery Organization Thailand Network) หรือ "PRO-Thailand Network" เพื่อส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนในประเทศอีกด้วย
โครงการเก็บกล่องสร้างบ้านเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโครงการที่นำแนวคิดการนำกลับมาใช้ใหม่และการสร้างความยั่งยืนในสังคมมาปรับใช้ ภายในปี 2566 สามารถรวบรวมกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วได้มากกว่า 50 ตัน จากจุดรับกล่องของพันธมิตรกว่า 150 แห่ง โดยนำมาผลิตเป็นแผ่นหลังคา วงกบประตู และแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ เพื่อนำไปช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยในประเทศไทย
คุณปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "เต็ดตรา แพ้ค ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือเพื่อสร้างเครือข่ายด้านความยั่งยืนที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ การก่อตั้ง PRO-Thailand Network และความสำเร็จของโครงการเก็บกล่องสร้างบ้าน ที่ได้นำกล่องเครื่องดื่มใช้แล้วกลับสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นของเรา เราตั้งเป้าที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในห่วงโซ่คุณค่าทั้งในระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตอาหาร ผู้จัดจำหน่าย ผู้กำหนดนโยบาย ไปจนถึงผู้บริโภค เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่อาหาร ผู้คน และโลกต่อไป"
รายงานความยั่งยืนประจำปี 2566 ยังกล่าวถึงความสำเร็จอื่นๆ ของ เต็ดตรา แพ้ค ในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อปกป้องอาหาร ผู้คน และโลก ได้แก่:
- การขยายโครงการโภชนาการในโรงเรียน: บริษัทฯ มีส่วนช่วยให้เด็กนักเรียนกว่า 64 ล้านคนใน 49 ประเทศได้เข้าถึงนมและเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการผ่านโครงการโภชนาการในโรงเรียน
- การเร่งขับเคลื่อนการรีไซเคิล: มีการรวบรวมกล่องเครื่องดื่มกลับมารีไซเคิลเพิ่มสูงขึ้นกว่า 7% ทั่วโลกเมื่อเทียบกับปี 2565 โดยการรีไซเคิลเศษพลาสติกและอะลูมิเนียมหรือ polyAl[7] เพิ่มขึ้นถึง 14%[8]
- การได้รับการยกย่องเป็นองค์กรชั้นนำด้านการดำเนินงานที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ: เต็ดตรา แพ้ค ได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับ 'A List' ด้านป่าไม้ของซีดีพี (CDP) หรือ Carbon Disclosure Project เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังจัดอยู่ในระดับ "A-" ในด้านความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ ซึ่งนับเป็นปีแรกของซีดีพีที่มีการทำรายงานในด้านนี้
- การดำเนินการอย่างแข็งขันตามหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs)
โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส ฉลองครบรอบ 10 ปี ตอกย้ำความเป็นเป็นผู้นำด้านบริการอาหาร และ IFM แบบครบวงจรด้วยโซลูชันอัจฉริยะและความยั่งยืน
LINE MAN Wongnai Reports Thailand's restaurant sector rebounds in late 2025, powered by "Half-Half Plus" with 4x sales growth nationwide
Sodexo Amata Services Celebrates 10th Anniversary Reinforcing Leadership in Food and Integrated Facilities Management Services with Smart and Sustainable Solutions
TEI ผนึก กรมบัญชีกลาง อบก. กรมควบคุมมลพิษ เซ็น MOU ดัน "จัดซื้อจัดจ้างสีเขียว" ปั้นตลาดภาครัฐสู่ Net Zero
NEO and LaundryBar Announce Strategic Partnership to Introduce Fineline's Exclusive Laundry Care Experience Nationwide
NEO ส่ง 'Fineline' ทะยานสู่ตลาดใหม่ ผนึกกำลัง 'LaundryBar' เขย่าวงการร้านสะดวกซัก ส่งมอบประสบการณ์ซักผ้าสะอาดหอมเหนือระดับด้วย 3 ผลิตภัณฑ์สูตรเอ็กซ์คลูซีฟ ทุกสาขาทั่วไทย
ซีเอ็ดร่วมเป็นองค์กรผู้ก่อตั้งโครงการ "PanyaThAI" ของ Google Cloud เดินหน้าใช้ Agentic AI ยกระดับการเข้าถึงความรู้ของคนไทย
"Boots" เนรมิตแลนด์มาร์กของขวัญแห่งปี ส่ง "Boots Gifting Collection" ลิมิเต็ดเอดิชั่น ดีไซน์หรูจบครบในที่เดียว พร้อมดีลสุดปังลดสูงสุด 50%
found & found โชว์ผลงานแรงเกินเป้า ปักหมุดยึดบิวตี้เดสติเนชันความงามญี่ปุ่น - เกาหลี เดินหน้าขยายครบ 50 สาขาทั่วประเทศในปี 2569