ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยกำหนดซื้อหุ้นคืนรอบแรกด้วยวงเงิน 7,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นไปตามแผนการบริหารส่วนทุนเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการปรับโครงสร้างและขนาดงบดุลให้มีความเหมาะสม

ทีเอ็มบีธนชาต ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี

กรุงเทพฯ, 28 มกราคม 2568 -- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน ภายใต้วงเงินรวมจำนวนไม่เกิน 21,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2568 ไปจนถึงปี 2570 โดยธนาคารจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนในครั้งแรกด้วยวงเงิน 7,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 3,500,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 3.6% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในหลายโครงการที่อยู่ในแผนงานด้านการบริหารส่วนทุน (Capital Management) ของธนาคาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการปรับโครงสร้างและขนาดงบดุลให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาฐานะเงินกองทุนของธนาคารนับตั้งแต่รวมกิจการก็จะพบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด เป็นผลจากการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2567 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุน 19.3% ซึ่งสูงอยู่ในระดับเดียวกับธนาคารคู่เทียบ (D-SIBs) และสูงเกินจากเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% อย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นโอกาสให้ธนาคารสามารถปรับลดส่วนเกินดังกล่าวให้มีความเหมาะสมมากขึ้นได้โดยที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงและแผนธุรกิจของธนาคารในอนาคต อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น จึงเป็นที่มาของโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้

ภายหลังการซื้อหุ้นคืน ผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ตามการลดลงของมูลค่าทางบัญชีในส่วนของผู้ถือหุ้นและการลดลงของจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ เทียบกับระดับ ROE ในปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2567 ที่ 9.0% และ EPS ที่ 0.22 บาท ขณะที่ประเมินว่าอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio) จะยังคงสูงกว่า 19% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงและเพียงพอต่อการเติบโตสินเชื่อตามแผนธุรกิจ

สำหรับวงเงินส่วนที่เหลืออีก 14,000 ล้านบาท ธนาคารจะกำหนดกรอบการซื้อคืนและระยะเวลาอีกครั้ง โดยจะพิจารณาให้เหมาะสมกับภาวะตลาดและมูลค่าหุ้น เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการซื้อหุ้นคืนในอีก 2 รอบที่เหลือจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นเช่นกัน

นายปิติ กล่าวสรุปว่า "นอกเหนือจากโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ ธนาคารได้ดำเนินการตามแผนการบริหารส่วนทุนในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างส่วนทุนให้มีความเหมาะสมผ่านการไถ่ถอนตราสารหนี้นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Additional Tier1) และการลดขนาดการออกตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปี 2567 การเพิ่มอัตราเงินปันผลขึ้นมาอยู่ที่ 60% เทียบกับระดับ 30%-35% ในช่วงก่อนรวมกิจการ รวมถึงการสร้างโอกาสในการเติบโตผ่านการเข้าซื้อหุ้นในกิจการที่ส่งเสริมกัน โดยปัจจุบันธนาคารได้เข้าทำ Non-Binding MOU และอยู่ในขั้นตอนการทำ Due Diligence เพื่อพิจารณาการเข้าซื้อหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ธนชาตและบริษัท ที ลิสซิ่ง

การดำเนินการอย่างต่อเนื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของเราในการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นและเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทีทีบีเติบโตได้อย่างมั่นคงและส่งมอบประโยชน์กลับคืนสู่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างยั่งยืน"


ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศวันนี้

CH คว้าคะแนน CGR 4 ดาว ระดับ "ดีมาก" ต่อเนื่องปีที่ 2

นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH เปิดเผยว่า บริษัทได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 4 ดาว หรือ "ดีมาก" ประจำปี 2568 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2568 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2025 : CGR) "การ

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาช... ITEL ตอกย้ำผู้นำธรรมาภิบาล คว้า 5 ดาว "ดีเลิศ" 5 ปีต่อเนื่อง — บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ผู้นำด้านบริการโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกแ...

บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ S... SMPC คว้า Excellent CG Scoring 5 ดาว 6 ปีซ้อน ตอกย้ำมาตรฐานธรรมาภิบาลสูงสุด — บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ภายใต้การนำของ นายสุรศักดิ์ เอิ...

บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) (STARM)... STARM คว้า "CGR 5 ดาว" ดีเลิศต่อเนื่องปีที่ 3 ตอกย้ำองค์กรธรรมาภิบาลแข็งแกร่ง — บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) (STARM) ได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแ...

บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE คว้าคะแนน ... WICE คว้า CGR ระดับ "ดีเลิศ" 7 ปีซ้อน ในระดับ "Top Quartile" สะท้อนผลงานธรรมาภิบาลสูงสุด — บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE คว้าคะแนน CGR บริษัทจดทะเบียนที่...

บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ ... CPW ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการ CGR ประจำปี 2568 ในระดับ "ดีเลิศ" — บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ผู้นำในตลาดสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ...

บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาช... WP คว้า CGR ระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" ตอกย้ำการกำกับดูแลกิจการที่ดี — บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) ได้รับผลการประเมินโครงการสำรวจการกำกับดู...