เกษตรฯ เตือนชาวสวนกล้วยไม้ เตรียมรับมือช่วงแล้ง เฝ้าระวังน้ำเค็มรุก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเตรียมรับมือกับสภาพอากาศที่จะแปรปรวนมาก ในปี 2568 โดยคาดการณ์เอลนีโญอาจกลับมาปลายปีนี้ ก่อให้เกิด "ฝนทิ้งช่วง และความแห้งแล้ง" จำเป็นต้องวางแผนเรื่องการใช้น้ำเป็นอย่างดี เตรียมกักเก็บน้ำฝน โดยเฉพาะกล้วยไม้เป็นพืชที่มักจะประสบภัยวิกฤตแล้งและน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้น้ำเค็มรุกเข้าสวนกล้วยไม้บ่อยครั้ง จากการคาดการณ์ของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ได้คาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุนที่ขึ้นสูงสุดในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งอาจจะเกิดน้ำเค็มรุกพื้นที่ได้ จึงควรเฝ้าระวัง ค่าน้ำเค็มไม่ควรเกินกว่า 0.75 กรัมต่อลิตร หรือค่าการนำไฟฟ้า (EC) สูงเกินกว่า 750 ไมโครซีเมนส์ต่อเซนติเมตร ซึ่งหากสวนกล้วยไม้ได้รับน้ำเค็มเป็นเวลานานจะส่งผลให้ปลายรากกุด เนื่องจากค่าโซเดียมในน้ำสูงจนทำลายหมวกราก ใบเริ่มลู่ลง นิ่ม และเหลืองก่อนที่จะหลุดล่วง อีกทั้งยังส่งผลกระทบกับต้นกล้วยไม้ทำให้เนื้อเยื่อแห้ง ไม่เจริญเติบโต และอาจรุนแรงถึงขั้นตายได้ในที่สุด

เกษตรฯ เตือนชาวสวนกล้วยไม้ เตรียมรับมือช่วงแล้ง เฝ้าระวังน้ำเค็มรุก

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ให้คำแนะเพิ่มเติมว่า เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ ควรเตรียมพร้อมรับมือ โดยใช้เครื่องวัด EC หรือ Salinity ตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของน้ำที่จะใช้รดกล้วยไม้หรือนำมาผสมปุ๋ยและสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยตัวเอง หรือติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มได้ที่ http://hydrology.rid.go.th/sediment-wq/index.php/th/ เพื่อเตรียมการรับมือ หากแหล่งน้ำยังมีคุณภาพดีและมีค่าความเค็มไม่เกินกำหนดข้างต้น ให้เกษตรกรสูบน้ำเข้ามาเก็บกักสำรองในบ่อพักให้เต็ม ควรเพิ่มพื้นที่ในการเก็บกักน้ำ เช่น ขุดบ่อเพิ่ม หรือ เพิ่มความลึกของบ่อเดิม ให้สามารถเก็บกักได้มากขึ้น และรักษาระดับน้ำในบ่อพักน้ำในสวนกล้วยไม้ให้สูงกว่าระดับน้ำข้างนอก เพื่อดันไม่ให้น้ำจากข้างนอก ซึ่งอาจจะเป็นน้ำเค็มไหลซึมเข้าบ่อ กรณี น้ำในบ่อพักมีค่าความเค็มสูงขึ้นสามารถเจือจางได้ โดยเติมน้ำจืดประมาณ 2 เท่าของน้ำเค็ม นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจสอบระบบสปริงเกอร์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอและปรับเปลี่ยนหัวสปริงเกอร์เป็นแบบประหยัดน้ำคือ มีอัตราการใช้น้ำ 100 - 120 ลิตร ต่อ 1 หัว ในเวลา 1 ชั่วโมง เกษตรฯ เตือนชาวสวนกล้วยไม้ เตรียมรับมือช่วงแล้ง เฝ้าระวังน้ำเค็มรุก

สำหรับกรณีที่น้ำมีค่าความเค็มสูงขึ้น ควรลดอัตราการผสมปุ๋ยลงจากเดิม เนื่องจากปุ๋ยเป็นเกลือชนิดหนึ่งซึ่งจะเพิ่มความเค็มของน้ำได้ หากค่าความเค็มสูงเกินไป ปุ๋ยจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่รากหรือต้นกล้วยไม้ หากจะบำรุงควรเพิ่มปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรองประเภทแคลเซียมและแม็กนีเซียม ซึ่งลดความเป็นพิษของเกลือโซเดียมและคลอไรด์ที่มาจากน้ำทะเลได้ในระดับหนึ่ง และปรับค่ากรดด่างให้อยู่ในช่วง pH 5.5 - 6.5 จะทำให้เกลือไบคาร์บอเนตในน้ำลดลง ทำให้ธาตุอาหารต่าง ๆ ละลายออกมาเป็นประโยชน์กับกล้วยไม้มากขึ้น ทั้งนี้ เกษตรกรที่ผลิตกล้วยไม้ราคาสูงและต้องการคุณภาพ อาจจะพิจารณาใช้เครื่องกรองน้ำแบบ Reverse Osmosis ซึ่งสามารถกรองเกลือที่ละลายในน้ำอย่างได้ผลมากขึ้น


ข่าวอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร+กรมส่งเสริมการเกษตรวันนี้

กรมส่งเสริมการเกษตร นำเกษตรกรสร้างรายได้ ขายลำไยแล้ว 11 ตัน

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีภารกิจในการสนับสนุนให้เกษตรกรมีความรู้และศักยภาพในการประกอบอาชีพการเกษตร สามารถผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนและชุมชน โดยผลไม้ถือเป็นสินค้าเกษตรสำคัญที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรจำนวนมาก หนึ่งในผลไม้เศรษฐกิจของไทยคือ ลำไย กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ตลาดสินค้าเกษตร รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทย ภายใต้แนวคิด "ดีเดย์สดจากสวน หวานฉ่ำ ลำไยหวานใจคนเมือง" เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2568

นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริม... กรมส่งเสริมการเกษตร แนะเตรียมดินปลูกมันสำปะหลัง เพิ่มผลผลิตคุณภาพ สร้างรายได้ดี — นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า มันสำปะหลังเป...

เกษตรฯ นำร่อง พวงมาลัยมูลค่าสูงจากเกษตรแป... เกษตรฯ นำร่อง พวงมาลัยมูลค่าสูงจากเกษตรแปลงใหญ่ สั่งออนไลน์ สื่อรักง่ายๆ ได้ทุกวัน — เกษตรฯ นำร่อง พวงมาลัยมูลค่าสูงจากเกษตรแปลงใหญ่ สั่งออนไลน์ สื่อรักง่...

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษ... เกษตรฯ นำร่อง พวงมาลัยมูลค่าสูงจากเกษตรแปลงใหญ่ สั่งออนไลน์ สื่อรักง่ายๆ ได้ทุกวัน — นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า อัตลักษณ์ วัฒนธร...