นายชัยวัฒน์ สามัคคีนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ผู้นำด้านทองคำรายใหญ่ของไทย ทีมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการนำเข้าส่งออกทองคำแท่งของไทยกว่า 80 ปี เปิดเผยถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2568 ว่า แนวโน้มทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกรวมถึงราคาทองในประเทศไทย ในปีนี้ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทำ New High ที่ระดับสูงสุดใหม่ ที่ระดับ $3,000-$3,150
โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญจากการกลับมาดำเนินนโยบายของทรัมป์ ที่เน้นสงครามการค้าและมาตรการกำแพงภาษี ทำให้มองได้ว่าจะเกิดผลกระทบต่อตลาดทองคำต่อจากนี้ คือในช่วงระยะแรก จะส่งผลต่อความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาด ซึ่งในช่วงระยะนี้จะทำให้ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้น โดยภาวะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ตลาดกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ GCAP GOLD ยังคงแนะนำให้นักลงทุนติดตามนโยบายหรือรอดูผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจไม่จบลงง่าย ๆ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตะวันออกกลางหลังจากที่ทรัมป์ประกาศนโยบายเข้าไปบริหารฉนวนกาซา ท่ามกลางการคัดค้านจากบรรดาชาติอาหรับ ส่วนฝั่งทะเลจีนใต้ก็ยังเป็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่หนุนทองคำมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังมีจุด Hotspot อื่นๆ ที่คาดไม่ถึง ซึ่งรอเวลาและโอกาสในการปะทุอยู่ ดังนั้นความเสี่ยงดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
- ความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำรวม 1,045 เมตริกตัน ความไม่แน่นอนทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงอยู่ในระดับสูง ดังนั้นธนาคารกลางต่างๆ ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อทองคำและใช้เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ต่อไป
- ช่วงครึ่งปีแรก ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบาง ประกอบกับตลาดหุ้นที่ปรับลดประมาณการผลประกอบการ และภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยแนวโน้มการอ่อนค่าอาจจะไปได้ถึง 37-38 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่แนวรับของเงินบาทคาดว่าจะไม่แข็งค่าหลุดระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์
จากปัจจัยข้างต้น GCAP GOLD มองว่า ช่วงไตรมาสแรก เป็นช่วงวัดใจของราคาทอง ว่าจะขึ้นแตะระดับ $3,000 ได้ทันทีก่อนเข้าสู่รอบปรับฐานหรือไม่ ซึ่งราคาที่ระดับดังกล่าวประเมินเป็นราคาทองคำไทย เบื้องต้นที่ 48,000-49,000 บาท และหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะยิ่งส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำ ทาง GCAP GOLD แนะนำให้รอจังหวะย่อเพื่อปรับฐาน เนื่องจากทุกครั้งที่ราคาปรับขึ้นแรงมักมีการพักตัวตามมา โดยมองแนวรับหลักอยู่ที่ $2,730 / $2,550 ส่วนราคาทองคำแท่งไทยอาจเห็นการปรับฐานที่ระดับราคา 44,500-42,500 บาท
"โกลเบล็ก" ลุ้นทองคำแท่งแตะ $3,650 จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ - FedWatch ชี้โอกาสลดดอกเบี้ย 90%
GCAP GOLD แนะรอจังหวะซื้อทองคำเข้าพอร์ต ให้กรอบ 50,700 / 50,100 บาท
GCAP GOLD มองปัญหานโยบายการค้าสหรัฐฯ ไม่จบ ลุ้นทองไปต่อ 53,300 บาท
YLG เผยทองคำแรงต่อเนื่องรับข่าวเฟดอาจไม่ขึ้นดบ.ในเดือนมี.ค. หลังกลุ่มแบงก์ในสหรัฐขาดเสถียรภาพส่อเค้าเกิดวิกฤต
YLG x กรุงไทย เปิดบริการซื้อขายทองกับ YLG ผ่าน Gold Wallet เทรดทอง99.99บนแอปฯเป๋าตัง ซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์ราคาเรียลไทม์ ปิดความเสี่ยงค่าเงินผันผวน
YLG ชวนบอกรักแม่ด้วยการ์ดทองคำแท่งคอลเล็กชั่นพิเศษ? เริ่มต้นเพียง 0.5 กรัมเข้าถึงง่ายด้วยงบหลักพันต้นๆ
YLG เปิดตัวแอปฯ YLG Gold Investment แอปฯ แรกในประเทศไทยที่เทรดทองได้ถึง 5 สกุลเงิน อุดช่องว่างส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน เพิ่มโอกาสและช่องทางลงทุน
GBX ประกาศจ่ายปันผล 0.03 บาทต่อหุ้น