KLINIQ เผยผลงานไตรมาส 4/2567 สุดแกร่ง ทำรายได้จากการขายและบริการ 843.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 98.76 ล้านบาท ส่งผลทั้งปี 67 รายได้รวมทะลุ 3,000ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 322.18 ล้านบาท ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจการให้บริการด้านคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังและความงามศัลยกรรมตกแต่งและดูแลฟื้นฟูที่หลากหลาย ด้านบอร์ดฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมอีก 0.75 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปีจ่ายปันผลรวมสูงถึง 1.40 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้ารุกตลาดปี 2568 ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่งทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มั่นใจปี 2568 ทำรายได้รวม 3,500 ล้านบาท
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,009 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 322.18 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 4/2567 (ตุลาคม-ธันวาคม 2567) บริษัทฯประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและการบริการ 843.76 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี 2566 มีรายได้จากการขายและการบริการ 644.88 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตถึง 30.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของกำไรสุทธิ ปี 2567 อยู่ที่ 98.76 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 77.96 ล้านบาทมี ซึ่งคิดเป็นการเติบโต 26.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยความสำเร็จมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจการให้บริการคลินิกเวชกรรมด้านผิวหนังความงามศัลยกรรมตกแต่งและดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพหลากหลายแบรนด์ ซึ่งเหมาะสมกับกำลังซื้อของลูกค้าในแต่ละกลุ่มจึงตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุดและครอบคลุมการให้บริการ ทั้งด้านเสริมความงาม ชะลอวัย ตกแต่งศัลยกรรม
ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวมาจากบริษัทฯ มีขีดความสามารถการแข่งขันในการให้บริการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างโดดเด่น จากจำนวนสาขา ณ สิ้นปี 2567 มีสาขาเปิดให้บริการรวม 72 สาขา ประกอบด้วย THE KLINIQUE 45 สาขา, L.A.B.X 23 สาขา, THE KLINIQUE SURGERY CENTER 1 สาขา L'CLINIC 1 สาขา และ KLINIQ Wellness Spa 2 สาขา โดยการเติบโตของยอดขาย Cash Sale จากสาขาเดิม หรือ SSSG (Same Store Sales Growth : SSSG) เติบโตขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากแบรนด์ THE KLINIQUE ที่ 62.3% L.A.B.X ที่ 20.3% THE KLINIQUE SURGERY CENTER ที่ 15.5% และ L'CLINIC 1%
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2567 (ก.ค.-ธ.ค.) ในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 เมษายน 2568 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 นี้ และหากรวมกับการจ่ายเงินปันผลจากงวดผลงานครึ่งปีแรกของปี 2567 ในอัตรา 0.65 บาทต่อหุ้น ส่งผลในปี 2567 บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานเพื่อตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 1.40 บาทต่อหุ้น
"แผนดำเนินงานปีนี้บริษัทฯจะมุ่งให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมและบริการทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพดูแลรักษา รองรับโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมความสวยความงามในปี 2568 คาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 10% โดยจะนำเสนอบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าและจัดสรรงบลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาอีก 10 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ KLINIQ และขีดความสามารถการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) ปรับตัวดีขึ้น และสนับสนุนการผลักดันให้เป้าหมายรายได้รวมปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ล้านบาท" นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
AUCT รายงานผลประกอบการ Q2 ปี 68 มีรายได้รวม 262.54 ล้านบาท ย้ำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัวส่งผลให้มีรถเข้าสู่การประมูลต่อเนื่อง
HENG โชว์ผลงานไตรมาส 2/68 กวาดกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท โตพุ่ง 144% เดินหน้ากลยุทธ์คุมเข้ม-ปรับพอร์ต ดันสินเชื่อเกษตร เป็นเรือธงใหม่สร้างการเติบโตยั่งยืน
TIDLOR โชว์กำไรไตรมาส 2/2568 New High พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ดันธุรกิจนายหน้าประกันโตเด่นไร้เสี่ยง ด้านสินเชื่อคุม NPL ต่ำ 1.78%
เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ย้ำฐานะบริษัทแข็งแกร่งแม้เผชิญภาวะตลาดผันผวน ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกครึ่งปีหลัง
UBE คว้า CGR ระดับดีเลิศ 5 ดาว ปี 2568 ต่อเนื่องปีที่ 3 ตอกย้ำสุดยอดองค์กรธรรมาภิบาล โปร่งใส เติบโตอย่างยั่งยืน
PRM ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านธรรมาภิบาล คว้า CGR 5 ดาว 7 ปีซ้อน
EKH ภูมิใจ! คว้าผลประเมิน CGR ระดับ 4 ดาว "ดีมาก" ตอกย้ำการกำกับดูแลกิจการที่ดี มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจเติบโตยั่งยืน
เบทาโกร ขับเคลื่อนความยั่งยืนทางอาหาร ผ่านงาน 'BETAGRO SD DAY 2025' ภายใต้แนวคิด "Smart Sustainability for Sustainable Growth"
กลุ่มบริษัทศรีตรังคว้ามาตรฐาน FSC(TM) ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง 100% ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน