SINO ทำรายได้ Q3/67 สูงสุดในรอบปีที่ 1,375 ล้านบาท หนุนรายได้ 9 เดือนแรกพุ่ง 120% ขึ้นแท่นผู้ให้บริการ Sea Freight เส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 ของโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

SINO ทำรายได้ Q3/67 สูงสุดในรอบปีที่ 1,375 ล้านบาท หนุนรายได้ 9 เดือนแรกพุ่ง 120% ขึ้นแท่นผู้ให้บริการ Sea Freight เส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 ของโลก เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ 'เวียดนาม' หลังได้รับไฟเขียวจากบอร์ด

SINO ทำรายได้ Q3/67 สูงสุดในรอบปีที่ 1,375 ล้านบาท หนุนรายได้ 9 เดือนแรกพุ่ง 120% ขึ้นแท่นผู้ให้บริการ Sea Freight เส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 ของโลก

'บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น' หรือ SINO ทำรายได้ไตรมาส 3/67 ที่ 1,375 ล้านบาท สูงสุดในรอบปี และกำไรสุทธิ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 429% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า แม้ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน หนุนรายได้ 9 เดือนแรกพุ่งแรง 120% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขึ้นแท่นผู้ให้บริการ Sea Freight บนเส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/2567 จะได้รับปัจจัยบวกจากดีมานด์ขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศที่อยู่ในระดับสูง มองนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผลเชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ ล่าสุดบอร์ดอนุมัติจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในเวียดนามเพื่อขยายบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยผลการดำเนินไตรมาส 3/2567 ว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 1,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 429% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า โดยนับเป็นไตรมาสที่มีรายได้จากการให้บริการสูงสุดในรอบปี ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 429% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า แม้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยการเติบโตมาจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มธุรกิจ "บริการขนส่งสินค้าทางทะเล" (Sea Freight) ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ โดยเฉพาะดีมานด์ในเส้นทางสหรัฐอเมริกาและยุโรป และการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ส่งผลให้บริษัทฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลในไตรมาส 3/2567 กว่า 11,000 ตู้ และก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการ Sea Freight ในเส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 ของโลก และยังคงครองอันดับ 1 ผู้ให้บริการธุรกิจดังกล่าวในประเทศไทย

ขณะที่กลุ่มธุรกิจ "บริการให้เช่าคลังสินค้า" มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยเกือบเต็ม 100% จากพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า 2 แห่งรวมประมาณ 20,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 70% ส่วนกลุ่มธุรกิจ "บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ" (Air Freight) และกลุ่มธุรกิจ "บริการสนับสนุนงานบริการโลจิสติกส์" มีรายได้อยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้ ยังได้รับผลดีจากค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการให้บริการรวม 2,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 120% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกดังกล่าว อยู่ในระดับเดียวกับกำไรสุทธิทั้งปี 2566 ที่ทำได้ 53 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINO กล่าวว่า ช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-ตุลาคม) บริษัทฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลแล้วกว่า 43,200 ตู้ จึงคาดว่าทั้งปี 2567 จะทำได้ถึง 53,000 ตู้ตามเป้าหมาย โดยแนวโน้มการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/2567 จะได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จากการเร่งขนส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ให้ทันก่อนถึงช่วงวันหยุดปลายเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ค่าระวางเรือมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ส่วนกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีนโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนนั้น มองว่าจะเป็นผลเชิงบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ เนื่องจากคาดว่าจะมีดีมานด์การนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจากฐานการผลิตในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย, เวียดนาม เพื่อทดแทนการนำเข้าจากประเทศจีนโดยตรง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รุกขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในมาเลซียจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศมาเลเซียเพื่อรองรับการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในเวียดนามร่วมกับพาร์ทเนอร์ในท้องถิ่น เพื่อรองรับการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 2 ของโลก เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ยางล้อ, อาหาร โดยคาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งสินค้าในช่วงแรกประมาณ 1,000 ตู้ต่อเดือน

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมทำสัญญาขยายคลังสินค้าให้เช่าอีก 20,000 ตารางเมตร ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือนมกราคม 2568 เพื่อตอบสนองความต้องการจัดเก็บสินค้าที่เพิ่มขึ้น หลังจากผู้ประกอบการจีนได้ย้ายฐานการผลิตมาไทยค่อนข้างมาก รวมถึงมีแผนขยายธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางอากาศเพื่อเพิ่มศักยภาพให้บริการอย่างครบวงจร


ข่าวคอร์ปอเรชั่น+โลจิสติกส์วันนี้

เอสวีแอล โลจิสติกส์ เดินหน้ารุกงานขากลับ ช่วยลูกค้าลดต้นทุน พร้อมเสริมศักยภาพการขนส่งครบวงจร

เอสวีแอล กรุ๊ป โดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เดินหน้ารุกงานขากลับ (Backhaul) เข้มข้น เล็งผลเลิศจาก 9 เดือนที่ผ่านมา ตอกย้ำการเป็นผู้นำการขนส่งครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ย้ำอีก 3 เดือนข้างหน้ารุกตัวเลขงานขนส่งสินค้าขากลับขึ้นเป็น 90% นายอนุวัต ชัยกิตติวนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในฐานะที่กำกับดูแลกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เอสวีแอล กรุ๊ป ให้รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจการขนส่งครบวงจร พร้อมการรุกธุรกิจงานลูกค้าขากลับ (Backhaul) ว่า "สำหรับ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา

บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น หรือ... SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน — บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น หรือ (SSP) ตอกย้ำผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนชั้นนำในเอเชีย ได้รับคะ...

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ... บางจากฯ ได้รับการเชิดชูเกียรติองค์กรต้นแบบแห่งการทำดี มีจิตอาสาเพื่อสังคม จากนอร์ทกรุงเทพ — บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย นายบัณฑิต หรรษาไพ...