ธนาคารเอชเอสบีซี ออกบทวิเคราะห์จีดีพีประเทศไทย ระบุจีดีพีไตรมาส 3 ปี 2567 เติบโตที่ 3.0% เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องมาจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเชื่อการเติบโตเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบ V-shaped หลังจากการผ่อนคลายนโยบายการคลังที่มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ด้านปัจจัยอื่น อาทิ ความไม่แน่นอนทางนโยบายที่ลดลงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า จะสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ย ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังคงมีความท้าทาย
นายอาริส ดาคาเนย์ นักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันเฉียงใต้ ธนาคารเอชเอสบีซี เผยว่า จีดีพีของประเทศไทยในไตรมาส 3 ของปี 2567 เติบโตขึ้นจาก 2.2% ในไตรมาสก่อน เป็น 3.0% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์มาก (HSBC: 2.7%, BBG: 2.4%) ด้านการปรับฐานตามฤดูกาล (seasonally adjusted basis) พบว่าเติบโตเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ในขณะที่จีดีพีในช่วง 9 เดือนแรกสูงขึ้น 2.3% เทียบปีต่อปี ทั้งนี้ สำนักงานสถิติได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตไตรมาส 2 ปี 2567 เป็น 2.2% (เดิม 2.3%) ส่วนสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์การเติบโตทั้งปี 2568 อยู่ที่ 2.3% ถึง 3.3%
"การเติบโตของจีดีพีไทยสูงกว่าคาดการณ์อย่างมาก ต้องขอบคุณการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของการใช้จ่ายภาครัฐ ทั้งด้านการบริโภคและการลงทุน ทั้งนี้ เป็นผลจากการเร่งใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล เนื่องจากไม่มีการผ่านงบประมาณในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลจึงเร่งใช้จ่ายส่วนใหญ่ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น 25.9% เทียบปีต่อปี"
"ด้านการบริโภคภาคเอกชนก็ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 แต่เราไม่คิดว่าเป็นผลจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟสแรก เนื่องจากเงินถูกแจกจ่ายให้กับประชาชนจำนวน 14.5 ล้านคนในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน (ข้อมูลจาก Bangkok Post, 25 กันยายน 2567) แม้บางคนอาจใช้เงินที่ได้รับทันที แต่ผลกระทบของการแจกเงินน่าจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 4 ปี 2567 มากกว่า ทั้งนี้ เราคาดว่าการเติบโตในไตรมาส 4 ปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% เมื่อเทียบปีต่อปี" นายอาริส กล่าวต่อ
ด้วยข้อมูลข้างต้นนี้ เราคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนธันวาคมได้ อันจะช่วยสนับสนุนไม่เพียงการเติบโต แต่ยังนับเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งอีกด้วย
งบประมาณปี 2568 ผ่านตามกำหนดเวลาและเป็นงบประมาณแบบขยายตัวเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ อันรวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในเฟสถัดไป เราจึงคาดว่าการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ 2568 จะอยู่ที่ 4.6% ของจีดีพี นี่ไม่เพียงช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังทำให้แนวโน้มที่ ธปท. จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีน้อยลง เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลังพร้อมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านหนี้ครัวเรือน
เกี่ยวกับประเด็นข้างต้น ความไม่แน่นอนด้านนโยบายเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลลดลงมาก ส่งผลให้บริษัทต่างชาติสามารถวางแผนการลงทุนล่วงหน้าและกลับมาลงทุนในไทยอีกครั้ง อันจะช่วยเสริมการเติบโตของประเทศ
เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ บรรเทาความกังวลเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องตระหนักด้วยว่าการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นเหตุผลที่นำไปสู่การเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (จากบทวิจัย 'Surprise but hawkish out', 16 ตุลาคม 2567)
ในขณะที่การขับเคลื่อนของมาตรการด้านการคลังกำลังเร่งทะยาน เราเชื่อว่าคนจะหันกลับมาจับจ้องที่ภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง เหตุจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยต่ำกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนลดลง นี่อาจเป็นเหตุผลที่สภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2567 เหลือ 36 ล้านคน (เดิม 36.5 ล้านคน) ทั้งนี้ การลดลงเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจเป็นอุปสรรคต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและอาจนำไปสู่การเรียกร้องให้ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้
SAM" เปิดบทบาทใหม่ "SAM Social AMC" ขานรับนโยบายเร่งด่วนภาครัฐ "ปิดหนี้ไว ไปต่อได้"
NCB หนุนมาตรการรัฐ โครงการ 'ปิดหนี้ไว ไปต่อได้' เสริม 'ข้อมูลเครดิต' รหัสไขประตูแก่ลูกหนี้ AMC สู่โอกาสทางการเงิน
กรุงไทยเสริมแกร่งร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศ รับสแกนจ่ายจากนักท่องเที่ยวจีน ไม่มีค่าธรรมเนียม หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล
"NestiFly" รับลูก "ธปท." เปิดทางผู้ถือหุ้นใหญ่ใช้หุ้นค้ำสินเชื่อ P2P พร้อมมาตรการรักษาเสถียรภาพตลาดทุน
SAM ประกาศแต่งตั้ง "สุวรรณี เจษฎาศักดิ์" รองผู้ว่าการ ธปท. นั่งประธานบอร์ดคนใหม่
ฟอร์วิส มาซาร์ส ชี้ 8 แนวโน้มความเสี่ยงหลังระบบการเงินไทยเปลี่ยนแปลง
BAM เปิดงานใหญ่ BAM SYMPOSIUM : New Era of AMC 2025 เวทีประวัติศาสตร์ของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ไทย สู่ยุคใหม่แห่งการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
NITMX แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล และธนาคารกรุงไทย ขยายการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างไทย-จีน ผ่านพร้อมเพย์