หลายปีที่ผ่านมา ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพต่อประชาชนในวงกว้าง รวมถึงผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในช่วงเวลาประมาณเดือนพฤศจิกายน - พฤษภาคมของทุกปี หลายพื้นที่ในประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาวะฝุ่นพิษที่แผ่กระจายอยู่หลายพื้นที่
จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ระบุถึงสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาวิกฤตของปีที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมของประเทศปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่า 31 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ลดลงร้อยละ 11 ซึ่งจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ดังนี้ พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 129 วัน เท่ากับปีที่ผ่านมา พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 97 วัน ลดลงร้อยละ 5 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 113 วัน ลดลงร้อยละ 2 พื้นที่ภาคกลาง จำนวน 101 วัน ลดลงร้อยละ 7 พื้นที่ภาคตะวันตก จำนวน 84 วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 211
รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างเข้มข้น พร้อมสื่อสารอย่างรวดเร็วตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับพื้นที่เสี่ยงและช่วงเวลาที่วิกฤต ดังนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ จึงได้จัดทำ "มาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568" ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้เห็นชอบมาตรการฯ และกลไกการบริหารจัดการ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมาตรการฯ ปี 2568 จะขับเคลื่อนผ่านกลไกการบริหารจัดการ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับภาค
หรือข้ามเขตป่าหรือเขตปกครอง และระดับจังหวัด โดยมีแผนปฏิบัติการดังนี้
ระยะเตรียมการจัดทำแผนที่เสี่ยงการเผา Risk Map แผนปฏิบัติการจัดการไฟป่าตามห้วงเวลา แผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ข้อมูลพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกเสี่ยงเผาและข้อมูลเกษตรกรรายจังหวัด
การจัดการไฟในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดยตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด/จุดเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ชุดดับไฟป่า บริหารจัดการเชื้อเพลิง ประกาศจำกัดการเข้าพื้นที่ป่าและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยง การใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชุมชนโดยไม่เผา รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรมในที่ดินของรัฐ และมุ่งเน้นการเปลี่ยนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว
การจัดการไฟในพื้นที่เกษตร โดยประกาศขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้ไฟและบริหารจัดการไฟในพื้นที่เกษตรเท่าที่จำเป็นและมีการควบคุม ควบคุมอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงาน หากฝ่าฝืนถูกบังคับใช้กฎหมาย ตัดสิทธิความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไม่ให้สิทธิหรือเพิกถอนสิทธิ ส.ป.ก./นิคมสหกรณ์ กับเกษตรกรที่ไม่ร่วมมือ รวมถึงช่วยเหลือเกษตรกรปรับรูปแบบการผลิต และออกมาตรการสิทธิและประโยชน์ให้เกษตรกรที่ไม่เผา
การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง ออกประกาศห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าเขตเมืองช่วงวิกฤต สนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ มีนโยบายปรับลดอัตราค่าโดยสารรถสาธารณะ เร่งรัดเปลี่ยนรถ ขสมก. เป็นรถไฟฟ้า ตรวจจับรถยนต์ควันดำ รถบรรทุก พื้นที่ก่อสร้าง ผู้ทำผิดวินัยจราจร โดยปรับสูงสุด ตรวจบังคับใช้กฎหมายโรงงานและสถานประกอบกิจการอย่างเข้มงวด ควบคุม/จับกุม ผู้ลักลอบเผาในเขตชุมชนและริมทาง
การจัดการหมอกควันข้ามแดน ส่งเสริมการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรแบบไม่เผา จัดการหารือระดับรัฐมนตรีก่อนเริ่มฤดูหมอกควัน ตั้งศูนย์ข้อมูลและศูนย์บัญชาการเฝ้าระวัง ควบคุมและดับไฟในประเทศเพื่อนบ้าน
การบริหารจัดการภาพรวม จะเร่งรัดของบกลางสนับสนุน ให้สิทธิประโยชน์กับภาคเอกชน ยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย ประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ PM2.5 มีนโยบาย Work From Home ดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น ยกระดับการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทั้งระดับประเทศ ระดับจังหวัด พื้นที่เสี่ยงและช่วงเวลาวิกฤต
นอกจากนี้ยังได้กำหนดเป้าหมายลดพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ป่าร้อยละ 25 และบริหารจัดการพื้นที่ป่าแปลงใหญ่รอยต่อไฟ 14 กลุ่มป่า (Cluster) ด้วยกลไกข้ามเขตป่าข้ามเขตปกครอง ลดการเผาไหม้ในพื้นที่เกษตรและพืชเป้าหมาย ร้อยละ 10-30 ควบคุมฝุ่นจากยานพาหนะและโรงงานในพื้นที่เมือง ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย/กฎระเบียบให้ลดลงร้อยละ 100 โดยตั้งเป้าลดค่าเฉลี่ย PM2.5 ลงร้อยละ 5-15 และควบคุมค่าเฉลี่ย PM2.5 ใน 24 ชั่วโมงสูงสุดไม่เกินค่าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และลดจำนวนวันที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐานลงร้อยละ 5-10
นอกจากนี้กรมควบคุมมลพิษ ยังคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กระยะไกลล่วงหน้า โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration/NOAA) ประเมินไว้ว่าช่วงระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2567 จะเป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สภาวะ "ลานีญา" (La Nina) ซึ่งจะส่งผลให้ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทยจะมีปริมาณฝนตกมากกว่าปกติ โดยปรากฎการณ์ดังกล่าวจะคงอยู่ไปถึงเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งผลที่ตามมาจะทำให้การลุกลามจากการเผาไหม้เศษวัสดุชีวมวลไม่รุนแรงเท่าสถานการณ์ภายใต้ปรากฎการณ์ "เอลนีโญ" (สภาวะแห้งแล้ง) ประกอบกับการดำเนินการภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ที่จะสามารถควบคุมแหล่งกำเนิดที่มีนัยสำคัญได้ครบทุกมิติ จึงคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในระยะยาวได้ว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และไม่รุนแรงเท่าช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา
สำหรับการเตรียมรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันบูรณาการดำเนินงานตามมาตรการฯ โดยเฉพาะการควบคุมการระบายฝุ่นจากยานพาหนะ อุตสาหกรรม การเผาในพื้นที่ชุมชนและริมทาง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญ ทั้งในมิติการส่งเสริมและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงเตรียมพร้อมมาตรการด้านสาธารณสุขและ Work From Home โดยประชาชนควรติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai หรือที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งจะเป็นช่องทางการสื่อสารข้อมูลด้านฝุ่นละออง PM2.5 ที่ชัดเจนและถูกต้องจากกรมควบคุมมลพิษ เป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลฝุ่นได้อย่างรวดเร็วและสามารถวางแผนการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ฝุ่นในทุกช่วงเวลา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำโดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) พร้อมด้วย นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ และผู้แทนจากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึง นายประสิทธิ์ เกิดโต รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
อบก. จับมือ กกท. ลงนาม MOU ร่วมรณรงค์ลดก๊าซเรือนกระจก ดันกิจกรรมด้านกีฬาสู่รูปแบบ Carbon Neutral Event ผ่าน 4 องค์กรกีฬา
—
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระ...
วช. ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ 'ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5' มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน
—
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยา...
"Electronic Nose" นวัตกรรมตรวจวัดกลิ่น! เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กรมอนามัย ร่วม MOU กรมควบคุมมลพิษ และ 4 หน่วยงานรัฐ - เอกชน ยกระดับจัดการปัญหากลิ่นเหม็น
—
นายแพทย์ธิต...
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งบริหารจัดการน้ำถึงมือประชาชน มุ่งฟื้นฟูวิกฤตภัยแล้ง จ.ร้อยเอ็ด
—
ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย...
29 พันธมิตร รัฐ-เอกชน-การศึกษา หนุนใช้ประโยชน์ขยะอาหาร ชูเว็บไซต์ "ฟู้ดเวสต์ฮับ" เสิร์ฟไอเดียธุรกิจใหม่จากงานวิจัยคนไทย
—
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ก...
รอยัล คลิฟ พัทยา ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม กับการคว้ารางวัล G-Green ระดับดีเยี่ยม
—
รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ปได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green โรงแรมที่เป...
อ.อ.ป. รับเกียรติบัตร "องค์กรพัฒนาคุณธรรม ประจำปี 2567"
—
นายประสิทธิ์ เกิดโต รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (รษก.ผอ.อ.อ.ป.) เป็นผู้แทนปลัด...