ทีทีบี พร้อมด้วยสภาพัฒน์ ร่วมแชร์มุมมองเศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลก ปรับกลยุทธ์วางแผนธุรกิจรับความท้าทายในปี 2568

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จัดสัมมนา ttb I Executive Morning Briefing หัวข้อ "Economic Outlook and Global Market Movement 2025" เชิญสภาพัฒน์ ร่วมอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก พร้อมแชร์มุมมองด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าธุรกิจปรับกลยุทธ์วางแผนธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายในปี 2568

ทีทีบี พร้อมด้วยสภาพัฒน์ ร่วมแชร์มุมมองเศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลก ปรับกลยุทธ์วางแผนธุรกิจรับความท้าทายในปี 2568

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีได้จัดงานสัมมนา ttb I Executive Morning Briefing ภายใต้หัวข้อ"Economic Outlook and Global Market Movement 2025" ให้แก่ลูกค้าธุรกิจ เพื่ออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ความท้าทายสำคัญและแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต รวมถึงวิธีการบริหารความเสี่ยงเพื่อรับมือกับความผันผวนต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าธุรกิจในการวางแผนธุรกิจทั้งในปีนี้และในปี 2568 โดยทีทีบีพร้อมเป็นพันธมิตรที่ช่วยผลักดันให้ลูกค้าธุรกิจ เตรียมพร้อมรับมือและปรับกลยุทธ์เชิงรุกในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตในสมรภูมิการค้าโลกได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ดร.อานันท์ชนก สกนธวัฒน์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์ และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2567 อยู่ที่ 2.9% และในปี 2568 จะเติบโตอยู่ที่ 3.3% โดยเศรษฐกิจประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและจีนชะลอตัวลง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2568 คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การลดดอกเบี้ยของ FED ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่กลับมาเป็นบวกมากขึ้น รายรับจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผลที่จะเกิดจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ราคาน้ำมันดิบ รวมถึงปัจจัยภายในประเทศ ที่อาจส่งผลต่อค่าเงินบาทที่ผันผวนในระยะสั้น ซึ่งต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ยังอยู่ในระดับต่ำ คาดการณ์ว่า GDP ในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.3-2.8% และแนวโน้ม GDP ในปี 2568 จะอยู่ที่ 2.5-3.5% โดยการขับเคลื่อนมาจาก 4 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 1) การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว 2) การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ 3) การเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 4) การกลับมาขยายตัวอย่างช้า ๆ ของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของการค้าโลก รวมถึงอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยจากอันดับ 25 ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มอาเซียน

อย่างไรก็ดี การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการการกีดกันทางการค้าและการลงทุน ภายหลัง Trade War สหรัฐฯ มีแนวโน้มนำเข้าสินค้าจาก ASEAN และไทยมากขึ้น ขณะที่ไทยนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงขึ้นต่อเนื่อง การชะลอตัวของเศรษฐกิจการค้าโลกภายใต้ความเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มจะสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีของโลก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ด้านนายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดผลกระทบทางการค้าและการลงทุนอย่างไรบ้าง ซึ่งลูกค้าธุรกิจต้องมีการวางแผนธุรกิจในระยะที่สั้นลง แต่ให้ความสำคัญกับการวางแผนโครงการมากขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในจุดที่ต่ำที่สุดได้ผ่านไปแล้ว แนวโน้มทิศทางเงินเฟ้อโลกจะดีขึ้น แต่การค้าระหว่างประเทศอาจไม่ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยประเมินเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาขยายตัวได้แต่เป็นอัตราที่ชะลอตัวลง ขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นยังคงทรงตัว สำหรับตลาดที่เติบโตดีจะเป็นกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะตลาดอินเดีย กลุ่มตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย สำหรับจีนแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่เศรษฐกิจจีนคาดการณ์ว่าจะเติบโตไม่เกิน 5% ซึ่งไทยต้องจับตามอง เนื่องจากสินค้าจีนที่ถูกมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ จะไหลเข้ามาในตลาดอาเซียนโดยเฉพาะไทยมากขึ้น

ส่วนอัตราดอกเบี้ยไทยยังคงอยู่ในช่วงขาลงแตะที่ระดับ 1.75% - 2.00% ต่อปี ขณะที่ทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจไทย หนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งเกิดจากรายได้เติบโตไม่ทันรายจ่าย ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นความหวัง ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียน ยุโรป อินเดีย กลับเข้ามาในประเทศสูงกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว ในขณะที่จีนกลับเข้ามาเพียง 62% เท่านั้น ส่วนภาคการส่งออกของไทยคาดว่าจะเติบโตดีขึ้น ซึ่งไทยมีการส่งออกได้ดี โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มซาอุดิอาระเบีย เม็กซิโก ออสเตรเลีย

นางสาวบุษรัตน์ เบญจรงคกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ลูกค้าธุรกิจที่ทำการค้าต่างประเทศต้องเผชิญกับความผันผวนของค่าเงิน โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีความผันผวนเฉลี่ย 10-12% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงผันผวนสูงอย่างต่อเนื่องด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ จึงแนะนำลูกค้าธุรกิจบริหารความเสี่ยงเพื่อรับมือกับความผันผวนนี้ ด้วย 4 เครื่องมือจาก
ทีทีบี ได้แก่

  1. การจัดการด้วยสกุลเงินท้องถิ่น โดยทีทีบี มีบริการ Local Currency Solution เพื่อช่วยลูกค้าธุรกิจในการบริหารจัดการต้นทุนจากความผันผวนที่เกิดจากเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยสกุลเงินท้องถิ่น 11 สกุลเงิน และในอนาคตจะเพิ่มอีก 5 สกุลเงิน ซึ่งครอบคลุมเงินสกุลท้องถิ่นของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย
  2. การจัดการด้วยเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย ผสมผสานระหว่าง FX Spot, FX Forward รวมถึง การจัดการด้วย FX Option เพื่อซื้อ Protection ปิดความเสี่ยงค่าเงิน ซึ่งค่า Premium สำหรับ 3 เดือน และ 6 เดือนอยู่ที่ ไม่เกิน 3% ซึ่งนับว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับความผันผวนของดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันที่ 10-12%
  3. การจัดการผ่านการลงทุน ใน FX Linked Note หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Note) อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน
  4. การจัดการด้วยบัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงิน ครบ จบที่เดียว ttb Multi Currency Account (MCA) บัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงินที่ดีที่สุดเพื่อธุรกิจนำเข้าและส่งออก ด้วยการใช้บัญชีเดียว สามารถใช้ซื้อ ขาย รับ จ่ายได้ทั้งในและต่างประเทศ รับดอกเบี้ยเงินฝากต่างประเทศทันทีเมื่อมีเงินโอนเข้า แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศไว้ล่วงหน้า

ทีทีบีพร้อมสนับสนุนลูกค้าธุรกิจไทยที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นในทุกสถานการณ์ ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยบริหารความเสี่ยงสำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออก เพื่อการวางแผนการบริหารงานและกลยุทธ์การเติบโตขององค์กรได้อย่างยั่งยืน


ข่าวการค้าระหว่างประเทศ+มุมมองเศรษฐกิจไทยวันนี้

"SMO" จับมือ "APM-FSS" โรดโชว์ จ.สุราษฎร์ธานี โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายกุศล ศรีเปารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน นายเสกศักดิ์ พิริเยศยางกูร กรรมการผู้จัดการสายงานโรงงาน นายโจซ์สัน ลิม กรรมการผู้จัดการสายงานนวัตกรรมและการค้าระหว่างประเทศ นายศักดา ทองรอง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานสำนักงาน นางสาวภักดิ์ศินันท์ บุญส่ง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานขายภายในประเทศ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO หนึ่งในผู้นำในการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบของประเทศไทย ซึ่งมีโรงงาน 4

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริ... "SMO" จับมือ "APM-FSS" ล่องใต้โรดโชว์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ — นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายกุศล ศรีเปารยะ ป...

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริ... "SMO" จับมือ "APM-FSS" ขึ้นเหนือโรดโชว์ จ.เชียงใหม่ โชว์ศักยภาพธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ — นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายกุศล ศรีเปารยะ ประธา...

ไทยเสี่ยงภาวะเงินฝืด Quick Big win เพียงช่วยบรรเทา แนะต้องปรับโครงสร้างใหญ่หนีรั้งท้ายอาเซียน กับดักซ้ำซ้อนกดทับประชาชนฐานราก

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า คาดการณ์ว่า อัตรา...

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริ... "SMO" จัดงาน Analyst Meeting โชว์ศักยภาพธุรกิจ เตรียมความพร้อมก่อนเสนอขาย IPO 231.60 ล้านหุ้น — นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายกุศล ศรีเป...

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไท... EXIM BANK เปิดตัว "หลักสูตร EXIM 2X รุ่นที่ 1 ปี 2568" ปั้น SMEs ไทยสู่เวทีการค้าโลก — ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดตัว "หลั...

เมื่อเร็วๆนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนต... กระทรวงการต่างประเทศร่วมขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล — เมื่อเร็วๆนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว...