บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ "WHAUP" ประกาศงบไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรปกติ 228 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจ Solar โต 45% YoY ด้าน CEO "สมเกียรติ เมสันธสุวรรณ" เดินหน้านำนวัตกรรม AI ยกระดับการขับเคลื่อนธุรกิจทั้งน้ำ-ไฟฟ้า สร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ("WHAUP") แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 2568 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 937 ล้านบาท มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 228 ล้านบาท ลดลง 10% และ 39% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 224 ล้านบาท ลดลง 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลดลงของกำไรปกติมีสาเหตุหลักจากส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าลดลง จากในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 บริษัทฯ มีการรับรู้รายการพิเศษเกี่ยวกับรายได้เงินชดเชยจากการประกันภัย และจากในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่มีการรับรู้ Energy Margin ลดลง อย่างไรก็ตามรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกำลังการผลิตไฟฟ้า
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ในไตรมาส 1 ปี 2568 มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในและต่างประเทศรวมเท่ากับ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศลดลง 5% มีสาเหตุหลักจากการลดลงของยอดจำหน่ายน้ำดิบของลูกค้ากลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งเป็นการลดลงชั่วคราว และยอดจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมของลูกค้ากลุ่มปิโตรเคมี ในขณะที่ปริมาณยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added product) เติบโตขึ้น 29% จากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าใหม่ ส่วนปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในประเทศเวียดนาม เติบโตขึ้น 12% จากปริมาณยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่เพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่การให้บริการและการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่
ด้านธุรกิจพลังงาน ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากสัญญา Private PPA ทั้งสิ้น 126 ล้านบาท เติบโต 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 154 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ในไตรมาสดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มอีกประมาณ 15 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสม 305 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทที่ 980 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นจำนวนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 704 เมกะวัตต์
ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าโดยรวม 168 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 36% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันที่ลดลง เนื่องจากมี Energy Margin ลดลง กอปรกับมีการบันทึกรายการปรับปรุงทางบัญชีเพิ่มขึ้น รวมถึงในไตรมาส 1 ปี 2568 นี้ บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้รายได้จากเงินชดเชยจากประกันภัยของโรงไฟฟ้า SPP ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีการรับรู้รายได้ชดเชยจากการประกันภัย ส่งผลให้บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินธุรกิจของ WHAUP เป็นไปตามพันธกิจ ของ WHA Group "WHA: We Shape The Future" โดยมุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านสาธารณูปโภคและพลังงานผ่านเทคโนโลยี AI ทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำที่มีระบบ Smart Water Solutions ด้วยการนำ AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการให้บริการลูกค้า ลดการสูญเสียน้ำ และในส่วนของธุรกิจพลังงานไฟฟ้าที่ได้นำ AI มาพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เช่น ระบบ Solar Anomaly ที่สามารถตรวจจับความผิดปกติของแผงโซลาร์ ช่วยให้สามารถบำรุงรักษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และระบบ Solar Forecasting ซึ่งช่วยคาดการณ์ปริมาณการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ พร้อมขยายการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในอนาคต สอดคล้องกับเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านสาธารณูปโภคและพลังงานที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.2525 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา จำนวน 0.0600 บาทต่อหุ้น และอนุมัติจ่ายปันผลเพิ่มเติมอีก 0.1925 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นการสะท้อนศักยภาพความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินที่มั่นคงและการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอของบริษัทฯ
STA ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในระดับสูงสุด "AAA" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ADVICE ร่วมเวที ก.ล.ต.-ตลท. จับตาภัยมิจฉาชีพออนไลน์ ย้ำบทบาทบริษัทจดทะเบียนรับมือภัยไซเบอร์
SCL เข้าร่วม JUMP+ ประกาศวิสัยทัศน์ 3 ปี ขับเคลื่อนกำไร ลงทุน Warehouse Automation รุกตลาดอะไหล่ยุโรปและ EV
ทานตะวันอุตสาหกรรม (THIP) คว้าหุ้นยั่งยืนประจำปี 2568 ระดับ "A" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จาก SET
PROUD คว้า SET ESG Ratings 2568 ระดับ "A" สะท้อนผู้นำอสังหาฯ ระดับลักชัวรี เติบโตยั่งยืนทุกมิติ
CKPower คว้าผลประเมิน SET ESG Ratings 2025 ระดับสูงสุด AAA
บล.เมย์แบงก์ ชี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2569 "ตลาดพร้อมลุย" แนะมองข้ามความผันผวนระยะสั้น
TFG สุดปลื้ม! คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ปี 68 ระดับ AA สะท้อนศักยภาพการบริหารจัดการครบทุกมิติ ESG สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
บางกอกแอร์เวย์ส (BA) คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับ A" จาก SET ESG Ratings 2025