OSD โชว์วิสัยทัศน์สู่อนาคตในงาน "OSD E-Connect 2025" ชู AI และดิจิทัลโซลูชัน เผยไทยมีศักยภาพก้าวสู่เวทีระดับโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บริษัท โอ เอส ดี จำกัด หรือ OSD ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และโซลูชันครบวงจรที่ได้รับใบอนุญาตผู้ให้บริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตประเภท 1 และ 3 เปิดวิสัยทัศน์สู่ปี 2568 ภายใต้แนวคิด "AI-Driven: Beyond the Present, Into the New Era" ในงานใหญ่ประจำปี "OSD E-Connect 2025" นำเสนอทิศทางธุรกิจแห่งอนาคตผ่านเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทยและจากพันธมิตรระดับโลก เสริมแกร่งดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชัน อาทิ AI แพลตฟอร์ม ATOM ต่อยอดสมาร์ตซิตี Cloud Transformation เป็นต้น ตอกย้ำบทบาทของเทคโนโลยี AI ในการยกระดับศักยภาพองค์กร และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลก

OSD โชว์วิสัยทัศน์สู่อนาคตในงาน "OSD E-Connect 2025" ชู AI และดิจิทัลโซลูชัน เผยไทยมีศักยภาพก้าวสู่เวทีระดับโลก

นางสาวอรสา ขาวงาม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โอ เอส ดี จำกัด กล่าวในงาน "OSD E-Connect 2025" ซึ่ง จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีไอทีและโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าและองค์กรธุรกิจที่สนใจว่า ปัจจุบันทุกบริษัทมีความพยายามในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ให้สามารถอ่านข้อมูลจำนวนมหาศาลให้ได้เร็วมากขึ้น ยังไม่รวมความพยายามของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกต่างพยายามสร้างและพัฒนา AI โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในด้านนี้ ล่าสุด OSD ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI สำหรับ Vision และ IoT ดีไวซ์ ภายใต้ชื่อ ATOM ขึ้นมาเช่นกัน

"ทุกองค์กรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนแปลงไปตามโลกธุรกิจที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการทรานส์ฟอร์มทางเทคโนโลยี ซึ่งต้องมีการทรานสฟอร์มอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน หากธุรกิจไม่ปรับตัวตามสภาพแวดล้อมและบริบทต่าง ๆ ในที่สุดธุรกิจก็จะค่อย ๆ หายไป สำหรับ OSD เราดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 เสา คือ Client Pillar ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก Family Pillar เน้นการเติบโตไปด้วยกันทั้งองค์กร และ Partner Pillar ก้าวไกลไปกับพันธมิตรที่มี DNA เหมือน ๆ กัน" นางสาวอรสากล่าว

นอกจาก OSD จะยังคงให้บริการดูแลจัดการระบบไอทีขององค์กรทั้งองค์กรธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐ ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เครือข่ายโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยโซลูชันต่าง ๆ อาทิ การบริหารคอลเซ็นเตอร์ การบริหารประสบการณ์ลูกค้า การบริหารการติดตามหนี้ การบริหารงานบริการแล้ว ในปีนี้ OSD เดินหน้ายกระดับศักยภาพองค์กรไทยสู่อนาคต ผ่าน 3 โซลูชันหลัก คือ Customer Experience Transformation, ATOM และ Airbridges Cloud Consulting ตอกย้ำการเป็น Tech Solution Provider ที่ครบเครื่อง พร้อมตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ

Customer Experience Transformation หรือ การพลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า จาก บริษัท เลกซ์เทค คอนซัลแทนท์ จำกัด หรือ LEXTECH ที่เข้ามาเสริมแกร่งบริการด้านประสบการณ์ลูกค้าให้กับ OSD โดยใช้ NLP Model ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ภาษาธรรมชาติรายแรกของประเทศ ด้วยจุดเด่นที่เข้าใจภาษาไทย NLP เป็นอย่างดี และด้วยการนำข้อมูลลูกค้าเชิงลึก หรือ Customer Insight มาใช้ในระดับสเกลที่ใหญ่ขึ้น จนทำให้ LEXTECH เป็นรายแรกและรายเดียวที่สามารถคาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญคือ LEXTECH มีการนำ LLM แบบ Open Source เข้ามาใช้งานคู่กับ NLP ซึ่งช่วยให้สามารถบริการในระดับโลกได้ ทั้งที่ยังอยู่ในประเทศไทย อาทิ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรระดับพรีเมียมของไทย ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการบริหารจัดการสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศทั้งด้านการบริหารจัดการคน บริหารสินค้าคงคลัง และจัดการด้านความปลอดภัย

ATOM แพลตฟอร์ม AI ฝีมือคนไทย ตัวจริงเรื่อง Smart City หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน OSD E-Connect 2025 คือการนำเสนอ ATOM แพลตฟอร์ม AI ที่พัฒนาโดย บริษัท เอ ดอท จำกัด (ADOT) บริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม OSD โดย ATOM ถูกออกแบบมาเพื่อบริหารจัดการ "เมืองอัจฉริยะ" หรือ Smart City แบบครบวงจร ผสานเทคโนโลยี AI, IoT, Video Analytics และ Multimodal Data Analysis เพื่อรองรับความท้าทายในทุกมิติของเมือง เช่น ระบบความปลอดภัย (Smart Security) ระบบการจราจร (Smart Traffic) ระบบสิ่งแวดล้อม (Environmental Monitoring) ระบบบริหารจัดการเมืองแบบ Real-Time ด้วยจุดแข็งสำคัญคือ ช่วยให้องค์กรภาครัฐและองค์กรท้องถิ่นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขณะที่ลดต้นทุนในระยะยาว

Airbridges Cloud Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้าน Cloud Infrastructure ในกลุ่ม OSD คือกุญแจสำคัญขององค์กรที่ต้องการรองรับการทำงานของ AI และ Big Data ปัจจุบันหนึ่งในอุปสรรคของ AI ที่ต้องจัดการกับข้อมูลปริมาณมหาศาล จำเป็นต้องมีการออกแบบระบบในการจัดการข้อมูลที่ดี เพื่อให้มีความปลอดภัย สามารถ Process ข้อมูลได้ลื่นไหลไม่ติดขัดเป็นคอขวด รวมทั้งการออกแบบให้มีความเหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ อาทิ การย้ายข้อมูลจากแอปพลิเคชัน VDO Streaming ไปสู่ Cloud ที่ช่วยแก้ปัญหาหน้าระบบช้า และช่วยออกแบบการใช้งานให้เหมาะสมในราคาที่คุ้มค่าในระยะยาว

ภายในงานยังได้มีการยกกรณีศึกษาของ THAI FIGHT ที่นำ AI และ Data Analytics มาใช้ในการจัดเก็บข้อมูลสถิติการชกมวยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงลึก ไปจนถึงการให้คะแนนแบบเรียลไทม์ ซึ่งหมายความว่าวงการกีฬาอื่น ๆ ก็สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและยกระดับมาตรฐานการกีฬาได้เป็นอย่างดี

"พลังของ AI ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีในอนาคต แต่เป็นปัจจุบันที่เข้ามาปฏิวัติทุกวงการ ที่ทุกคนต้องเรียนรู้และนำมาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างประสิทธิผลสูงสุด ขณะที่แพลตฟอร์ม AI ส่วนมากจะพัฒนาจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศ แต่ OSD ในฐานะผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และโซลูชันไอทีมากว่า 20 ปี เรามองเห็นศักยภาพของนักพัฒนาไทย ที่มีความเชี่ยวชาญ และทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลให้ขั้นก้าวหน้าไม่ด้อยไปกว่าประเทศอื่นในโลก อาทิ โซลูชันสมาร์ตซิตี ที่พัฒนาโดยบริษัทในกลุ่ม OSD กำลังจะถูกส่งออกไปต่างประเทศ นับเป็นการขับเคลื่อนจากการที่ประเทศเราที่เคยเป็นแต่ End-user ให้ก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชัน ที่จะเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ในอนาคต" นางสาวอรสากล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง ในงาน OSD E-Connect 2025 OSD ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือ AIS เพื่อร่วมผลักดันการนำ AI Platform ของ OSD ไปต่อยอดกับโครงสร้างพื้นฐานของ AWN อาทิ 5G/4G Network, MEC, Cloud และแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเร่งการพัฒนาโซลูชัน เช่น AI VDO Analytic ระบบบริหารจัดการข้อมูล การตรวจจับเหตุการณ์อัตโนมัติ และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ โดยใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ 5G ที่เหมาะสม พร้อมวางแผนรูปแบบธุรกิจและการให้บริการที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางระบบ จนถึงการดูแลลูกค้า OSD และ AWN พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการประยุกต์ใช้ AI ในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและการทำงานร่วมกันอย่างมีพลัง


ข่าวเทคโนโลยีสารสนเทศ+อินเทอร์เน็ตวันนี้

ZTE ผสาน TRUE ให้บริการเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ร่วมสร้างสังคม FTTR [Fiber to The Room] แห่งแรกในไทย

ZTE (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้บริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ออฟติกคอล ภายใน Wyndham Royal Lee Phuket ZTE (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลก และ True Corporation ร่วมกันพัฒนาแนะนำเสนอโซลูชั่น Wi-Fi ออปติคอล สำหรับอุตสาหกรรมระดับชั้นนำ เพื่อให้บริการแก่ Wyndham Royal Lee Phuket ปัจจุบันประเทศไทยมียอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ [FBB] อยู่ประมาณ 14.27 ล้านราย โดยมีจำนวน 58.96 เป็นกลุ่มผู้ใช้ในบ้านเรือน ในขณะที่มีผู้ใช้เทคโนโลยี

กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่ง... ก.แรงงาน เดินหน้า พัฒนาทักษะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสสู่สังคมดิจิทัล — กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งดำเนินการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเ...

สำนักเลขาธิการคณะกรรมการจัดงานดิจิทัล ไชน... นครฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน เปิดฉากการประชุมสุดยอด ดิจิทัล ไชนา ซัมมิต ครั้งที่ 8 — สำนักเลขาธิการคณะกรรมการจัดงานดิจิทัล ไชนา ซัมมิต เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่...

ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์... IT Solution คืออะไร? ครบเครื่องเรื่องโซลูชันไอทีสำหรับธุรกิจยุคใหม่ — ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์กร การมี IT Solution ที่ดีไม่ใช่แค่ช่วยให้อ...

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทย... โครงการสัมมนาวิชาการ AI & Cyber Intelligence: The Future of Human-Machine Collaboration & Security — คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัย...