ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ VS พันธบัตรสหรัฐ ลงทุนแบบไหนดี ?

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

การวางแผนทางการเงินที่ดี ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่ "สร้าง" ความมั่งคั่ง แต่ยังต้อง "รักษา" และ "ส่งต่อ" ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย หลายคนจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนระยะกลางถึงยาวในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมั่นคง พร้อมความเสี่ยงต่ำ หนึ่งในคำถามที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาคือ "ควรเลือกลงทุนในประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดี ?" แม้ทั้งสองทางเลือกจะดูคล้ายกันในแง่ของการรับผลตอบแทนที่มั่นคง แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว ทั้งคู่ต่างมีบทบาทที่เฉพาะเจาะจงในแผนการเงินของแต่ละบุคคล

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ VS พันธบัตรสหรัฐ ลงทุนแบบไหนดี ?

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์: ผลตอบแทนพร้อมความคุ้มครอง

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Life Insurance) เป็นรูปแบบประกันที่ผสมผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตกับการออมเงินในระยะยาว ผู้เอาประกันจะชำระเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงินคืนพร้อมผลตอบแทนในรูปของ "เงินคืนระหว่างสัญญา" หรือ "เงินก้อนเมื่อครบสัญญา" ซึ่งมักการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ พร้อมมีโอกาสได้รับโบนัสพิเศษในบางกรมธรรม์

จุดเด่น

  • มีความมั่นคงสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการันตีเงินออมระยะกลางถึงยาว
  • ให้ความคุ้มครองชีวิตตลอดระยะเวลาออม ช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
  • สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ สูงสุด 100,000 บาท/ปี

มีวินัยทางการเงิน เพราะจำเป็นต้องจ่ายเบี้ยอย่างต่อเนื่องตามแผน

ข้อจำกัด

  • สภาพคล่องต่ำ หากเวนคืนกรมธรรม์ก่อนกำหนดอาจขาดทุน
  • ผลตอบแทนรวมอาจต่ำกว่าการลงทุนในตราสารหนี้หรือหุ้น หากมองในแง่ "ผลตอบแทนต่อความเสี่ยง"

ไม่เหมาะกับผู้ที่มองหาการเติบโตของเงินทุนในระดับสูง

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ: ปลอดภัยระดับโลก ได้ดอกเบี้ยแน่นอน

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasury Bonds) ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ด้วยสถานะของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีความน่าเชื่อถือสูงและไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ พันธบัตรเหล่านี้ให้ดอกเบี้ยคงที่ตามระยะเวลาครอบครอง เช่น 2 ปี, 5 ปี หรือ 10 ปี ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปกป้องเงินต้นและมีรายรับประจำ

จุดเด่น

  • ความเสี่ยงต่ำมาก และถือเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกใช้เป็น "ที่พักเงิน" ยามเศรษฐกิจผันผวน
    มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ในตลาดรอง
  • ดอกเบี้ยที่ได้รับอาจปลอดภาษีในบางกรณี (เช่น Treasury Bonds ของสหรัฐฯ ปลอดภาษีรัฐและท้องถิ่น)

เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน

ข้อจำกัด

  • อัตราผลตอบแทนมักต่ำ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
  • ไม่ให้ความคุ้มครองชีวิต และไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีในประเทศไทย

มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน หากผู้ลงทุนอยู่ในประเทศที่ใช้เงินสกุลอื่น (เช่น บาท)

แล้วควรเลือกแบบไหนดี ?

คำตอบขึ้นอยู่กับ "เป้าหมายทางการเงิน" และ "สถานะของคุณในปัจจุบัน" ว่าต้องการอะไรมากกว่า ความคุ้มครอง ความมั่นคง หรือสภาพคล่อง

หากคุณกำลังมองหาวิธีออมเงินระยะยาวที่มีผลตอบแทนคงที่ พร้อมความคุ้มครองชีวิต และยังได้สิทธิลดหย่อนภาษีในประเทศไทย ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์จะตอบโจทย์ได้ดี โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน หรือต้องการสร้างวินัยในการออมอย่างสม่ำเสมอ เพราะประกันรูปแบบนี้จะบังคับให้คุณเก็บเงินไว้ตลอดระยะเวลาของสัญญา ซึ่งแม้จะให้ผลตอบแทนไม่หวือหวา แต่มั่นคง และมีความหมายหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นความปลอดภัยของเงินต้น ต้องการสภาพคล่องสูง และเปิดรับการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ถือเงินสกุล USD อยู่แล้ว หรือมีพอร์ตการลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง การถือพันธบัตรเหล่านี้เปรียบเสมือนมี "หลักประกัน" ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดประจำ และพร้อมเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เมื่อจำเป็น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากคุณต้องการ "เครื่องมือการออมที่มีประโยชน์ทางภาษีและปกป้องครอบครัว" ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์คือคำตอบ แต่หากคุณต้องการ "สินทรัพย์ปลอดภัยระดับโลกที่มีความยืดหยุ่น" พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะตอบโจทย์คุณได้มากกว่า

ทั้งสองแบบมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน และในหลายกรณี การเลือก "ทั้งสองอย่างร่วมกัน" ในสัดส่วนที่เหมาะสม ก็อาจเป็นกลยุทธ์ที่ลงตัวที่สุดในแผนบริหารความมั่งคั่งของคุณ


ข่าวประกันชีวิต+พันธบัตรวันนี้

ไทยประกันชีวิตแจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ โชว์กำไรสุทธิแข็งแกร่ง 2,683 ล้านบาท มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่เติบโต 39.5% จากกลยุทธ์เน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างกำไรระยะยาว เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้ลูกค้า

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ รายงานผลประกอบการภายใต้มาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับใหม่ (TFRS 17 และ TFRS 9) โดยยังคงมีผลกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 2,638 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 20.4% ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 2,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการกำหนดกลยุทธ์การเน้นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าในระยะยาว นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธาน

ชูโครงการ 'Gain & Save รับความคุ้มครองชีว... ธนาคารกรุงเทพ ผนึก กรุงเทพประกันชีวิต มอบสิทธิ์พิเศษตอบโจทย์แผนการเงินมั่นคง — ชูโครงการ 'Gain & Save รับความคุ้มครองชีวิตพร้อมรับสิทธิ์ดอกเบี้ยพิเศษ' ส่ง...

พร้อมประกาศเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกขอ... เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้านโยบายการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ — พร้อมประกาศเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของไทยที่เข้าร่วมลงนาม UN-supported Principles for...

พญ.มนนภา ขุนณรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์... โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดงาน Open House นำเสนอศักยภาพศูนย์บริการของแพทย์ "หัวเฉียวยุคใหม่" — พญ.มนนภา ขุนณรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลหัวเฉียว เป็นป...