บริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ("Tidlor Holdings" หรือ "ติดล้อ โฮลดิ้งส์") เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก (First Trading Day) ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 โดยใช้ชื่อย่อ "TIDLOR" แทนบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ หลังจากที่ Tidlor Holdings ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการโดยทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) จากบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้น Tidlor Holdings ซึ่งมีสัดส่วนการแลกหุ้นสูงถึง 99.4% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจที่ผู้ถือหุ้นมีต่อ Tidlor Holdings
ทั้งนี้ Tidlor Holdings จะมีความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบในเรื่อง Dilution ของราคาหุ้นและกำไรต่อหุ้น (EPS Dilution) นอกจากนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ของ Tidlor Holdings และกลุ่มบริษัทฯ จะมีความคล่องตัวมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต เพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขัน เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง ได้อีกด้วย โดย Tidlor Holdings และกลุ่มบริษัทฯ จะยังคงมุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ เงินติดล้อ และธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face ผ่านช่องทางสาขาภายใต้แบรนด์ ประกันติดโล่ ควบคู่ไปกับการต่อยอดความแข็งแกร่งด้าน InsurTech Platform ภายใต้แบรนด์ อารีเกเตอร์ (Areegator) และ เฮ้ กู๊ดดี้ (heygoody.com)
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 บมจ. เงินติดล้อ มีกำไรสุทธินิวไฮที่ 1,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% (YoY) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16.6% (QoQ) เทียบกับไตรมาสก่อน และมีรายได้รวม 5,640.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% (YoY) ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกันที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง และสัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง โดยผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 10% (YoY) ขณะที่ยอดจัดสินเชื่อรวมเติบโต 5% (YoY) สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจสินเชื่อที่มีความรอบคอบ รัดกุม และสนับสนุนให้ลูกค้าใช้วงเงินเท่าที่จำเป็น สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานธุรกิจสินเชื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างมีคุณภาพในระยะยาว ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 1.78% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และ Credit Cost อยู่ที่ 2.96% ปรับตัวลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าอีกด้วย ขณะที่ยังคงอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL Coverage) ในระดับสูงที่ 255.7% และมีวงเงินกู้ยืมคงเหลืออีกมากกว่า 24,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บมจ. เงินติดล้อ ยังคงได้รับอันดับเครดิตที่ "A/Stable" จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และมีความพร้อมในการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ
บางจากฯ ประกาศทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ BSRC ในอัตรา 6.50 หุ้นสามัญของ BSRC ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ
เหลือ 2 วันสุดท้าย! ผู้ถือหุ้น TIDLOR ส่วนใหญ่ทำการแลกหุ้นแล้ว ระวังตกรถ! รีบแลกหุ้นภายใน วันที่ 30 เม.ย. 68 ก่อน เวลา 16.00 น. เท่านั้น
บางจากฯ เสร็จสิ้นการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของเอสโซ่ (ประเทศไทย) ถือครองหุ้นจำนวน 76.34% จากจำนวนหุ้นทั้งหมด
บางจากฯ ชำระค่าหุ้น 65.99% ของเอสโซ่ (ประเทศไทย) เสร็จสิ้น ปิดดีลประวัติศาสตร์ด้านพลังงาน รุกขึ้นแท่นผู้นำในธุรกิจโรงกลั่น พร้อมเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง
บางจากฯ ประกาศซื้อหุ้นและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของเอสโซ่ประเทศไทย สู่บริบทใหม่เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและการเข้าถึงของผู้บริโภค
“CRC” ได้ฤกษ์เข้าเทรดวันแรก กระตุ้นตลาดหุ้นไทยคึกคัก สร้างความมั่นใจ ให้นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ด้วยหุ้นค้าปลีกพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง