เอ็นไอเอ เร่งขยายสัดส่วนธุรกิจขนาดกลาง พร้อมปิดแก็ปเอสเอ็มอีไทยโตไม่สมดุล

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ผ่าน "โครงการ INNOProductivity for SMEs" ดึงโมเดลศักยภาพองค์กรนวัตกรรม ผสานการเพิ่ม
ผลิตภาพช่วยเอสเอ็มอีไทยด้วยผู้เชี่ยวชาญประเมินองค์กรปรับสมรรถนะลึกรายบุคคล

เอ็นไอเอ เร่งขยายสัดส่วนธุรกิจขนาดกลาง พร้อมปิดแก็ปเอสเอ็มอีไทยโตไม่สมดุล

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ (FTPI) และ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TRIS) เดินหน้าพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อม ในการยกระดับศักยภาพด้านนวัตกรรมควบคู่กับการเพิ่มผลิตภาพอย่างเป็นระบบ เพื่อเติบโตสู่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง อย่างมั่นคงและสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและระดับสากลผ่าน "โครงการเร่งสปีดเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตด้วยนวัตกรรม - INNOProductivity for SMEs"

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเป็นความท้าทายที่ประเทศไทยและต่างประเทศกำลังเผชิญ ซึ่งในปีนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่ประเทศไทยมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง การฟื้นตัวของภาคธุรกิจไม่ทั่วถึง และเมื่อพิจารณาโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศพบว่า ประเทศไทยมีโครงสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีที่ไม่สมดุล เนื่องจากมีสัดส่วนวิสาหกิจขนาดกลาง หรือ Medium Enterprises เพียงร้อยละ 1.35 ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีสัดส่วนวิสาหกิจขนาดกลางอยู่ในระดับร้อยละ 5-10 สะท้อนถึงปรากฏการณ์ "Missing Middle" ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการสร้างศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ เนื่องจากมีจำนวนวิสาหกิจขนาดกลางไม่เพียงพอ ส่งผลให้การขยายตัวของธุรกิจ การสร้างนวัตกรรม และการจ้างงานคุณภาพสูงเกิดขึ้นได้ในวงจำกัด ดังนั้น การเร่งพัฒนาและยกระดับเอสเอ็มอีให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากธุรกิจขนาดเล็กไปสู่ธุรกิจขนาดกลางที่แข็งแกร่ง จึงเป็นหนึ่งในภารกิจเร่งด่วนที่ NIA และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด จะร่วมกันพัฒนาให้เอสเอ็มอีขนาดเล็กมีฐานการดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็ง ด้วยการผสานแนวคิดการจัดการนวัตกรรม (Innovation Management) และ การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ให้กับผู้ประกอบการซึ่งไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจสามารถยืนหยัดท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังเป็นแรงส่งสำคัญในการค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างแข็งแรงและต่อเนื่องในยุคเศรษฐกิจใหม่
"โครงการ INNOProductivity for SMEs เป็นภารกิจหนึ่งของ NIA ในการยกระดับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังขาดความสมดุลในเชิงโครงสร้าง ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการเร่งพัฒนาฐานธุรกิจที่แข็งแรงให้สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว โครงการนี้จึงมุ่งเน้นการเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรมควบคู่กับการเพิ่มผลิตภาพ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตจากธุรกิจขนาดเล็กสู่ระดับกลางที่เข้มแข็ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงผ่าน 3 กระบวนการหลัก ได้แก่ Coaching การให้ความรู้และเสริมความเข้าใจเชิงปฏิบัติถึงแนวคิดและเครื่องมือการพัฒนานวัตกรรม รวมถึงการบริหารการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบ Assessing การประเมินศักยภาพด้านนวัตกรรมและผลิตภาพจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงประเด็นปัญหา และแนวทางการส่งเสริมเพื่อสร้างการเติบโตที่เหมาะสมกับธุรกิจ และ Consulting การให้คำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมทั้งพัฒนาแผนการดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางนวัตกรรมผสานการเพิ่มผลิตภาพ เพื่อเป็น "แผนที่นำทาง" ในการก้าวต่อไปอย่างมีทิศทาง มั่นคง และยั่งยืน"

ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการได้นำองค์ความรู้เกี่ยวกับโมเดลพัฒนาศักยภาพนวัตกรรมองค์กร 8 มิติ (Innovative Organization Model: IOM) ของ NIA ซึ่งประกอบด้วย ด้านยุทธศาสตร์นวัตกรรม (Innovation Strategy) ด้านการมุ่งเน้นธุรกิจ (Business Focus) ด้านบุคลากร (People) ด้านองค์ความรู้ (Knowledge) ด้านวัฒนธรรม (Culture) ด้านทรัพยากร (Resource) ด้านกระบวนการ (Process) และด้านผลลัพธ์นวัตกรรม (Result) มาผสานกับแนวทางการประเมินตามมาตรฐานรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น หมวดการเพิ่มผลิตภาพของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เพื่อเป็นแนวทางการวางรากฐานและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เอสเอ็มอีสามารถพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการยกระดับผลิตภาพ นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพราะหัวใจสำคัญของโครงการ InnoProductivity for SMEs คือ การประเมินศักยภาพและการให้คำปรึกษาเชิงลึกเฉพาะราย เพื่อผลักดันการเติบโตในแต่ละธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกระบวนการนี้จะดำเนินการผ่านเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ผลิตภาพ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญจะเข้าร่วมวิเคราะห์ศักยภาพของธุรกิจอย่างรอบด้าน พร้อมให้ข้อชี้แนะเชิงกลยุทธ์ และร่วมกันร่างแผนพัฒนาธุรกิจเฉพาะตัว เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่ง มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โครงการฯ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมทุกคนได้มี "แผนที่นำทางธุรกิจ" ที่ชัดเจน และมีพลังเพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นใจ แข่งขันได้ในตลาดใหม่ และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง

สำหรับ "โครงการเร่งสปีด SMEs ไทยให้เติบโตด้วยนวัตกรรม - InnoProductivity for SMEs" ได้ออกแบบกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเรียนรู้พื้นฐานแนวคิดการพัฒนาก่อนรับการประเมินเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการแบบลงพื้นที่ ร่วมกับโครงการ PIN (Pioneer Innovation Network) และเครือข่ายพันธมิตร เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์แต่ละภูมิภาค สภาอุตสาหกรรม และเครือข่ายผู้ประกอบการจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านการพัฒนานวัตกรรมและการเพิ่มผลิตภาพอย่างใกล้ชิด ผ่านการเรียนรู้แนวคิด เครื่องมือ และการรับคำแนะนำเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการนวัตกรรมและผลิตภาพโดยตรง และการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ด้วยตนเอง โดยสามารถต่อยอดองค์ความรู้แต่ละกระบวนการได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักสูตรออนไลน์เฉพาะทาง "INNOProductivity for SMEs" บนแพลตฟอร์ม NIA MOOC ที่พัฒนาเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมโครงการโดยเฉพาะ ตลอดกระบวนการนี้เอสเอ็มอีจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ปี 2568


ข่าวสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ+สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติวันนี้

FoSTAT และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จับมือ ProPak Asia 2025 จัดสัมมนา ปั้นอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารสู่มาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และ สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย (FoSTAT) และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2025 งานแสดงเทคโนโลยี เครื่องจักร และโซลูชันด้านกระบวนการผลิต การแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมอาหาร อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์ ยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่จะส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตไทยให้แข็งแกร่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ เพื่อเดินหน้ายกระดับองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการในทุกภูมิภาค ดังนั้นทั้ง 3

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระท... เคนยากุคว้ารางวัล SME แห่งชาติ — นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติมอบรางวัล SME ดีเด่น กลุ่มธุรกิจยาและอาหารเสริมแก่...

เป้าหมายสู่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะต้องมีการ... ม.มหิดลเผยกลยุทธ์ใช้เกณฑ์ TQA เพื่อการเรียนรู้-พัฒนาสู่World Class University — เป้าหมายสู่มหาวิทยาลัยระดับโลกจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี โดยให้ความสำคัญ...