บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นครบวงจร จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ประจำปี 2568 ล่าสุดพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้น 0.15 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายปันผล 16 พฤษภาคม 2568 นี้ เผยปี 2567 รายได้ 13,351 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 57.1% หรือ 672 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ปัจจัยบวกปีที่ผ่านมีทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่ ควบคู่การขับเคลื่อนตามกลยุทธ์หลัก โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายในต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้าส่งออกสู่ 30% ของรายได้ภายในปี 2571 มองโอกาสสร้างการเติบโตในตลาดอุตสาหกรรมสีเขียว
นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PSP กล่าวว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญของ PSP ผลการดำเนินงานนำไปสู่รายได้รวมอยู่ที่ 13,351 ล้านบาท เติบโต 8.9% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 57.1% ซึ่งเป็นรายได้และกำไรสุทธิสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ การเติบโตดังกล่าวมาจากการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดกิจการหลักและธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโต รวมถึงการขยายตลาดในประเทศควบคู่กับการเร่งรุกตลาดส่งออก โดยในปี 2567 สัดส่วนรายได้จากการขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 15.9% ในปี 2566 เป็น 19.2%
"ในปีที่ผ่านมา เราได้ยกระดับกระบวนการทำงานโดยดำเนินการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอย่างต่อเนื่อง และเริ่มใช้งานระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ทั้ง SAP S/4 HANA, SAP SuccessFactos, SAP Analytics Cloud และ COMARCH ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 เพื่อลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และจัดเก็บวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Data Analytics เพื่อการบริหารทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด" นายเสกสรร กล่าว
ด้านการลงทุน PSP ได้เข้าถือหุ้น 25% มูลค่าการลงทุนรวม 125 ล้านบาท ในบริษัท จีเนียส เจเนติกส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการแปลผลจากชุดตรวจ DNA เป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดการตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมในประเทศ พร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจใหม่อีก 3 กลุ่มภายใต้ จีเนียส เจเนติกส์ ได้แก่ GATTA Cafe กาแฟเฉพาะบุคคลตาม DNA JELLY CARE วิตามินเจลลี่สำหรับเด็ก และ Genius Care วิตามินเฉพาะบุคคล อีกทั้งยังควบรวมและเข้าซื้อกิจการที่ 27.78% ในบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งให้บริการรีไซเคิลสารเคมีใช้แล้วด้วยเทคโนโลยีจากเยอรมนี
นอกจากนี้ PSP ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรอีก 2 ราย ได้แก่ บริษัท พงษ์ระวี จำกัด และบริษัท ว.ศิริกาญออโตพาร์ท จำกัด จัดตั้ง บริษัท ทริปเปิล เอส ลูบริแคนท์ จำกัด เพื่อพัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรม รวมทั้งได้สร้างโรงงานผลิต AdBlue หรือ น้ำยาบำบัดไอเสียสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน VDA จากประเทศเยอรมนีและมีห้องแลปทดสอบของตนเอง โดยมีกำลังการผลิตสูงสุด 15 ล้านลิตรต่อปี และได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพจากน้ำมันปาล์ม โดยอยู่ระหว่างการทดสอบร่วมกับโครงการ EnPAT ของ สวทช.
PSP มุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดทำ ESG Roadmap ครอบคลุมเป้าหมายด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อาทิ การลดการใช้พลังงานและน้ำลง 5% ภายในปี 2570 ลดการฝังกลบขยะอุตสาหกรรมให้เป็นศูนย์ภายในปี 2572 เพิ่มพื้นที่สีเขียวในองค์กรไม่น้อยกว่า 5% รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างความผูกพันของพนักงานให้มากกว่า 85% และรักษาความพึงพอใจของลูกค้าให้เกิน 95% ภายในปี 2572 รวมทั้งการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันในองค์กรเท่ากับศูนย์ ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา PSP ได้รับรางวัล CSR-DIW และเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (CFO) ตลอดจนผ่านการประเมิน CG Rating ระดับ 4 ดาว จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล
จากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลวันที่ 14 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2567 โดยได้ทำการจ่ายเงินปันผล 0.05บาท/หุ้น เมื่อ 25 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา รวมจ่ายปันผลในปี 2567 เป็นเงิน 280 ล้านบาท หรือ 0.20 บาท/หุ้น
"เรายังคงเดินหน้าพัฒนาองค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุกมิติ เพื่อสร้างการเติบโตทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายในต่างประเทศ ให้ได้ถึง 30% ของรายได้รวมภายในปี 2571 ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัท พร้อมมองเห็นโอกาสการเติบโตจากแนวโน้มของอุตสาหกรรมสีเขียวที่ขยายตัวในตลาดโลก ควบคู่กับการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต และการดำเนินงานตามแนวทาง ESG เพื่อการเติบโตยั่งยืนอย่างแท้จริง" นายเสกสรรกล่าวทิ้งท้าย
DMT คว้า 100 คะแนนเต็ม AGM Checklist ปี 2568 ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน สะท้อนการเป็นบรรษัทภิบาลที่ดี
"MEDEZE คว้า 86 คะแนน AGM Checklist 2568 ตอกย้ำมาตรฐานธรรมาภิบาล"
NRF คว้าคะแนนระดับ "ดีเยี่ยม" ในการประเมิน AGM Checklist ปี 2568 ยืนหยัดมาตรฐานสูงสุดด้านการกำกับดูแลกิจการ
BRR คว้าคะแนน "ดีเยี่ยม" AGM Checklist ปี 2568 ตอกย้ำความมุ่งมั่นธรรมาภิบาล - ความเท่าเทียมของผู้ถือหุ้น
PRTR คว้าประเมิน "ดีเยี่ยม" AGM Checklist 2568 สะท้อนธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในการประชุมผู้ถือหุ้น
TASCO คว้า 100 คะแนนเต็ม AGM Checklist 2568 "ดีเยี่ยม"
CPW ปลื้ม ได้รับการประเมิน AGM Checklist 100 คะแนนเต็ม สะท้อนการกำกับดูแลกิจการที่ดี
FLOYD ปลื้ม คว้าคะแนนเต็ม ระดับ "ดีเยี่ยม" จากการประเมิน AGM Checklist ปี 2568 ตอกย้ำมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการ พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
PLUS คว้า 100 คะแนนเต็ม ประเมิน AGM Checklist ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ตอกย้ำมาตรฐานธรรมาภิบาลระดับสูง -ใส่ใจผู้ถือหุ้น