"อเบอร์ดีน" เปิดตัวกองทุน ThaiESGX ชูปรับพอร์ตลงทุนเหมาะทุกสภาวะตลาด

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บลจ.อเบอร์ดีน เปิดตัว "ABALL-TESGX" กองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ ลงทุนแบบผสมในหุ้นและตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ชูจุดเด่น "ปรับพอร์ตการลงทุน" ให้เหมาะสมทุกสภาวะตลาด ผสานมุมมองนักวิเคราะห์ระดับโลกและผู้จัดการกองทุนในประเทศ พร้อมความเชี่ยวชาญการลงทุนด้าน ESG กว่า 30 ปี เปิดขาย IPO ชนิดหน่วยลงทุน "ABALL-TESGX1" ตั้งแต่ 2-9 พ.ค.68 และ "ABALL-TESGX2" รองรับนักลงทุนที่สับเปลี่ยนมาจาก LTF เริ่ม 14 พ.ค.นี้ โอกาสลงทุนภายใน 30 มิ.ย.68

"อเบอร์ดีน" เปิดตัวกองทุน ThaiESGX ชูปรับพอร์ตลงทุนเหมาะทุกสภาวะตลาด

นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเสนอขาย "กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ออล ซีซันส์ ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ" หรือ "ABALL-TESGX" กองทุนลดหย่อนภาษีกองใหม่ ซึ่งเป็นกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อความยั่งยืนของไทยในสัดส่วนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ในรอบปีบัญชี โดยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 65% ในรอบปีบัญชี โดยจะพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างยั่งยืน

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน "ABALL-TESGX" ซึ่งเป็นกองทุนรวมแบบผสม (มีความเสี่ยงระดับ 5) ลงทุนในหุ้น ESG และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนที่ผ่านเกณฑ์ ESG โดยมีให้เลือก 2 ชนิดหน่วยลงทุน ได้แก่ 1.ABALL-TESGX1 ชนิดเงินลงทุนใหม่ 2568 เปิดขายผู้ลงทุนที่สนใจ เสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 2-9 พ.ค.2568 และเปิดให้ลงทุนอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ค.-30 มิ.ย.2568 และ 2.ABALL-TESGX2 ชนิดเงินลงทุนเดิม 2568 เปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สับเปลี่ยนกองทุนเข้ามาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.-30 มิ.ย.2568

จุดเด่นของกองทุน "ABALL-TESGX" ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ 1) Dynamic Moves Across Market Cycles มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตปรับสัดส่วนลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนทั่วไปที่มักเป็นกองทุนผสมแบบ 70/30 ที่เน้นลงทุนหุ้น 70% และตราสารหนี้ 30% โดยอเบอร์ดีนมองว่านักลงทุนที่สับเปลี่ยนกองทุน LTF มาเป็นกองทุน Thai ESGX ส่วนใหญ่ยังขาดทุนจึงไม่อยากสูญเสียเงินต้นแล้ว ประกอบกับการลงทุนที่มีเงื่อนไขถือครอง 5 ปีวันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน อาจทำให้นักลงทุนมีความกังวลการขาดทุนที่อาจไม่คุ้มกับภาษีที่ได้รับลดหย่อน อเบอร์ดีนจึงออกแบบกองทุนในรูปแบบดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน

"ปัจจุบันผู้จัดการกองทุนมองตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง Recession ตลาดขาลงซึ่งใกล้จุดต่ำสุดแล้ว จึงมีกรอบลงทุนในหุ้น 65-75% และตราสารหนี้ 25-35% โดยเลือกลงทุนหุ้นคุณค่า (Value) และหุ้นปันผลสูง ให้น้ำหนักหุ้นใหญ่มากกว่าหุ้นขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ตลาดหุ้นฟื้นตัว ผู้จัดการกองทุนก็สามารถลดน้ำหนักตราสารหนี้ลงเหลือประมาณ 15-25% และเพิ่มน้ำหนักหุ้นเป็น 75-85% โดยเน้นหุ้นเติบโต (Growth) หุ้นที่เกาะกระแสตลาดฟื้นตัว และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเล็ก ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ในบางช่วงอาจเป็น Short Duration บางช่วงอาจเป็น Long Duration ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้น" นายโรเบิร์ต กล่าว

นอกจากนี้จุดเด่น 2) Robust Investment Process to Maximize Total Returns การวางกลยุทธ์และปรับพอร์ตเพื่อศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอย่างแม่นยำเพื่อปรับ Allocation ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับวัฎจักรเศรษฐกิจและทิศทางตลาด มีการผสมผสานการปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญในการเฟ้นหาสินทรัพย์รายตัว เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเฟ้นหาสินทรัพย์รายตัวที่ตอบโจทย์ในแต่ละสภาวะตลาด เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา

จุดเด่นที่ 3) ESG Intergration วิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG เชิงลึกในทุกขั้นตอนการลงทุนและลงทุนเฉพาะบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ESG ของอเบอร์ดีน ซึ่งอเบอร์ดีนเป็นบลจ.ที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มี ESG ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปีและมีสถาบันด้านความยั่งยืนของตัวเอง ที่ดูแลด้าน ESG นอกจากนี้ยังมีทีมงาน ESG ในภูมิภาคเอเชียประจำอยู่ที่สิงคโปร์ที่คอยดูแลด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนโดยเฉพาะ

ในส่วนของการวิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG ของฝั่งหุ้น ผู้จัดการกองทุนจะจัดอันดับบริษัทเป็น 5 กลุ่มก่อนพิจารณาเลือกลงทุน ประกอบด้วย 1.กลุ่ม Best in Class บริษัทที่มีการใช้ ESG เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์องค์กรและมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน 2.กลุ่ม Leader บริษัทที่มีการนำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์องค์กร แต่ไม่ใช่ผู้นำตลาดและมีการเปิดเผยข้อมูลที่ดี 3.กลุ่ม Average บริษัทนำเอาปัจจัยความเสี่ยงด้าน ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจและเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ข้อกำหนด 4.กลุ่ม Below Average บริษัทอาจมีประเด็นข้อโต้แย้งบางประการเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินและมีการกำกับดูแลประเด็น ESG ที่จำกัด และ 5.กลุ่ม Laggard บริษัทที่มีประเด็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินหลายประการและมีข้อกังวลหลายประเด็นเกี่ยวกับธรรมาภิบาลของบริษัท ซึ่งอเบอร์ดีนจะลงทุนเฉพาะบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้าน ESG

ส่วนการวิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG ฝั่งตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนประเมินและให้คะแนนความเสี่ยงด้าน ESG ก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน โดยแบ่ง rating เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ อเบอร์ดีนยังช่วยส่งเสริมและแนะนำให้บริษัทและผู้ออกตราสารที่เราจะเข้าไปลงทุนมีการพัฒนาด้าน ESG ที่ดีขึ้นอีกด้วย

นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงมุมมองตลาดหุ้นไทยว่า "เรามองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทย 2 ปีผ่านมา ได้สะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยไปมากแล้ว ปัจจุบัน SET Index ณ ระดับ 1150 คิดเป็น forward P/E ประมาณ 12X ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับในอดีต การลงทุนกอง Thai ESGX ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ จึงน่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะได้ทั้งประหยัดภาษีและยังได้โอกาสในสร้างผลตอบแทนที่ดีในอีก 5 ปีข้างหน้า และถ้าเราพิจารณาส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของ SET Index กับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี หรือ Earnings yield gap ในปัจจุบัน อยู่ที่ระดับสูงกว่า 6% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงโควิด ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ สุดท้ายเรามองว่า โอกาสที่นักลงทุนจะขาดทุนอย่างหนักจากจุดนี้ไป มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลง ไม่เหมือนช่วงก่อนเกิด crisis ในอดีตที่ตลาดเป็นขาขึ้น ขณะที่ผลตอบแทนปันผล หรือ Dividend yield ในปัจจุบันที่ค่อนสูง ยิ่งน่าจะช่วยพยุงตลาดขาลงได้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นแบบไหน หากเรามีกลยุทธ์ กระบวนการ การวางแผน และทีมงานที่มีความชำนาญ เราจะสามารถมองหาโอกาสในการลงทุนและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในแต่ละสภาวะตลาดได้"

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนนี้ พิเศษ! รับ หน่วยลงทุน ABCC 100 บาท เมื่อลงทุนทุก ๆ 50,000 บาท ใน ABALL-TESGX1 และ ABALL-TESGX2 ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

"อเบอร์ดีน" เปิดตัวกองทุน ThaiESGX ชูปรับพอร์ตลงทุนเหมาะทุกสภาวะตลาด

บลจ.อเบอร์ดีน เปิดตัว "ABALL-TESGX" กองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ ลงทุนแบบผสมในหุ้นและตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ชูจุดเด่น "ปรับพอร์ตการลงทุน" ให้เหมาะสมทุกสภาวะตลาด ผสานมุมมองนักวิเคราะห์ระดับโลกและผู้จัดการกองทุนในประเทศ พร้อมความเชี่ยวชาญการลงทุนด้าน ESG กว่า 30 ปี เปิดขาย IPO ชนิดหน่วยลงทุน "ABALL-TESGX1" ตั้งแต่ 2-9 พ.ค.68 และ "ABALL-TESGX2" รองรับนักลงทุนที่สับเปลี่ยนมาจาก LTF เริ่ม 14 พ.ค.นี้ โอกาสลงทุนภายใน 30 มิ.ย.68

นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเสนอขาย "กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ออล ซีซันส์ ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ" หรือ "ABALL-TESGX" กองทุนลดหย่อนภาษีกองใหม่ ซึ่งเป็นกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อความยั่งยืนของไทยในสัดส่วนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ในรอบปีบัญชี โดยมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 65% ในรอบปีบัญชี โดยจะพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างยั่งยืน

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน "ABALL-TESGX" ซึ่งเป็นกองทุนรวมแบบผสม (มีความเสี่ยงระดับ 5) ลงทุนในหุ้น ESG และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนที่ผ่านเกณฑ์ ESG โดยมีให้เลือก 2 ชนิดหน่วยลงทุน ได้แก่ 1.ABALL-TESGX1 ชนิดเงินลงทุนใหม่ 2568 เปิดขายผู้ลงทุนที่สนใจ เสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 2-9 พ.ค.2568 และเปิดให้ลงทุนอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ค.-30 มิ.ย.2568 และ 2.ABALL-TESGX2 ชนิดเงินลงทุนเดิม 2568 เปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สับเปลี่ยนกองทุนเข้ามาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.-30 มิ.ย.2568

จุดเด่นของกองทุน "ABALL-TESGX" ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ 1) Dynamic Moves Across Market Cycles มีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตปรับสัดส่วนลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนทั่วไปที่มักเป็นกองทุนผสมแบบ 70/30 ที่เน้นลงทุนหุ้น 70% และตราสารหนี้ 30% โดยอเบอร์ดีนมองว่านักลงทุนที่สับเปลี่ยนกองทุน LTF มาเป็นกองทุน Thai ESGX ส่วนใหญ่ยังขาดทุนจึงไม่อยากสูญเสียเงินต้นแล้ว ประกอบกับการลงทุนที่มีเงื่อนไขถือครอง 5 ปีวันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน อาจทำให้นักลงทุนมีความกังวลการขาดทุนที่อาจไม่คุ้มกับภาษีที่ได้รับลดหย่อน อเบอร์ดีนจึงออกแบบกองทุนในรูปแบบดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน

"ปัจจุบันผู้จัดการกองทุนมองตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วง Recession ตลาดขาลงซึ่งใกล้จุดต่ำสุดแล้ว จึงมีกรอบลงทุนในหุ้น 65-75% และตราสารหนี้ 25-35% โดยเลือกลงทุนหุ้นคุณค่า (Value) และหุ้นปันผลสูง ให้น้ำหนักหุ้นใหญ่มากกว่าหุ้นขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ตลาดหุ้นฟื้นตัว ผู้จัดการกองทุนก็สามารถลดน้ำหนักตราสารหนี้ลงเหลือประมาณ 15-25% และเพิ่มน้ำหนักหุ้นเป็น 75-85% โดยเน้นหุ้นเติบโต (Growth) หุ้นที่เกาะกระแสตลาดฟื้นตัว และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเล็ก ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ในบางช่วงอาจเป็น Short Duration บางช่วงอาจเป็น Long Duration ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในช่วงเวลานั้น" นายโรเบิร์ต กล่าว

นอกจากนี้จุดเด่น 2) Robust Investment Process to Maximize Total Returns การวางกลยุทธ์และปรับพอร์ตเพื่อศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอย่างแม่นยำเพื่อปรับ Allocation ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับวัฎจักรเศรษฐกิจและทิศทางตลาด มีการผสมผสานการปรับสัดส่วนการลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญในการเฟ้นหาสินทรัพย์รายตัว เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเฟ้นหาสินทรัพย์รายตัวที่ตอบโจทย์ในแต่ละสภาวะตลาด เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา

จุดเด่นที่ 3) ESG Intergration วิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG เชิงลึกในทุกขั้นตอนการลงทุนและลงทุนเฉพาะบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ESG ของอเบอร์ดีน ซึ่งอเบอร์ดีนเป็นบลจ.ที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มี ESG ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปีและมีสถาบันด้านความยั่งยืนของตัวเอง ที่ดูแลด้าน ESG นอกจากนี้ยังมีทีมงาน ESG ในภูมิภาคเอเชียประจำอยู่ที่สิงคโปร์ที่คอยดูแลด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนโดยเฉพาะ

ในส่วนของการวิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG ของฝั่งหุ้น ผู้จัดการกองทุนจะจัดอันดับบริษัทเป็น 5 กลุ่มก่อนพิจารณาเลือกลงทุน ประกอบด้วย 1.กลุ่ม Best in Class บริษัทที่มีการใช้ ESG เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์องค์กรและมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน 2.กลุ่ม Leader บริษัทที่มีการนำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์องค์กร แต่ไม่ใช่ผู้นำตลาดและมีการเปิดเผยข้อมูลที่ดี 3.กลุ่ม Average บริษัทนำเอาปัจจัยความเสี่ยงด้าน ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจและเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ข้อกำหนด 4.กลุ่ม Below Average บริษัทอาจมีประเด็นข้อโต้แย้งบางประการเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินและมีการกำกับดูแลประเด็น ESG ที่จำกัด และ 5.กลุ่ม Laggard บริษัทที่มีประเด็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินหลายประการและมีข้อกังวลหลายประเด็นเกี่ยวกับธรรมาภิบาลของบริษัท ซึ่งอเบอร์ดีนจะลงทุนเฉพาะบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การประเมินด้าน ESG

ส่วนการวิเคราะห์ปัจจัยด้าน ESG ฝั่งตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนประเมินและให้คะแนนความเสี่ยงด้าน ESG ก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน โดยแบ่ง rating เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ อเบอร์ดีนยังช่วยส่งเสริมและแนะนำให้บริษัทและผู้ออกตราสารที่เราจะเข้าไปลงทุนมีการพัฒนาด้าน ESG ที่ดีขึ้นอีกด้วย

นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงมุมมองตลาดหุ้นไทยว่า "เรามองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทย 2 ปีผ่านมา ได้สะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยไปมากแล้ว ปัจจุบัน SET Index ณ ระดับ 1150 คิดเป็น forward P/E ประมาณ 12X ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับในอดีต การลงทุนกอง Thai ESGX ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ จึงน่าเป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะได้ทั้งประหยัดภาษีและยังได้โอกาสในสร้างผลตอบแทนที่ดีในอีก 5 ปีข้างหน้า และถ้าเราพิจารณาส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของ SET Index กับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี หรือ Earnings yield gap ในปัจจุบัน อยู่ที่ระดับสูงกว่า 6% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงโควิด ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ สุดท้ายเรามองว่า โอกาสที่นักลงทุนจะขาดทุนอย่างหนักจากจุดนี้ไป มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลง ไม่เหมือนช่วงก่อนเกิด crisis ในอดีตที่ตลาดเป็นขาขึ้น ขณะที่ผลตอบแทนปันผล หรือ Dividend yield ในปัจจุบันที่ค่อนสูง ยิ่งน่าจะช่วยพยุงตลาดขาลงได้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นแบบไหน หากเรามีกลยุทธ์ กระบวนการ การวางแผน และทีมงานที่มีความชำนาญ เราจะสามารถมองหาโอกาสในการลงทุนและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในแต่ละสภาวะตลาดได้"

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนนี้ พิเศษ! รับ หน่วยลงทุน ABCC 100 บาท เมื่อลงทุนทุก ๆ 50,000 บาท ใน ABALL-TESGX1 และ ABALL-TESGX2 ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด


ข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน+หลักทรัพย์จัดการกองทุนวันนี้

บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุน TThai70ESGX และ TThaiESGX ช่วยลูกค้าบริหารภาษี - ลดหย่อนสูงสุด 800,000 บาท

บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้น 70 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (TThai70ESGX) ชนิดเงินลงทุนพิเศษและชนิดเงินลงทุนเดิม พร้อมนำเสนอกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (TThaiESGX) ชนิดเงินลงทุนพิเศษ และชนิดเงินลงทุนเดิม ช่วยลูกค้าบริหารและลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 800,000 บาท นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการบริหารจัดการภาษีได้มีทางเลือกการลงทุนใหม่

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริ... KTAM ร่วมส่งเสริมการลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ปล่อย 3 กองทุน "Thai ESGX" IPO 2 - 8 พ.ค.นี้ — นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จั...

บลจ.ไทยพาณิชย์ ขานรับภาครัฐ จัดเต็มเปิด 4... บลจ.ไทยพาณิชย์ ขานรับภาครัฐ จัดเต็มเปิด 4 กองทุนใหม่ Thai ESGX เปิดทางเลือกลงทุนแบบ Extra — บลจ.ไทยพาณิชย์ ขานรับภาครัฐ จัดเต็มเปิด 4 กองทุนใหม่ Thai ESGX...

บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุนใหม่ "อีสท์สป... บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุนใหม่ "ES-GQG-UH" ลงทุนหุ้นคุณภาพดีทั่วโลก IPO 24-30 เม.ย. 68 นี้ — บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุนใหม่ "อีสท์สปริง Global Quality...

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำก... บลจ.กสิกรไทย คว้า 5 รางวัลยอดเยี่ยม Best of the Best Awards 2025 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกองทุนของไทย — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กส...

บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่... กรุงศรีเปิดตัวกองทุน KF-EMXCN โอกาสเติบโตไปพร้อมกับ Emerging Market — บลจ.กรุงศรี เปิดตัวกองทุนใหม่ KF-EMXCN ฝ่าความผันผวนจากสงครามการค้า ด้วยโอกาสลงทุนใน...