โรงไฟฟ้า BLCP ร่วมกับญี่ปุ่น ศึกษาการนำแอมโมเนียคาร์บอนต่ำเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมผลิตไฟฟ้าแห่งแรกของอาเซียน ลำดับ 3 ของเอเชีย พร้อมจับมือ ปตท. จัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำในการผลิตไฟ 5 แสน - 1 ล้านตันต่อปี เพื่อช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

โรงไฟฟ้า BLCP เดินหน้าพันธกิจหลักพัฒนานวัตกรรมการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนต่อทุกภาคส่วน ล่าสุดประกาศความสำเร็จโครงการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำเป็นเชื้อเพลิงร่วมถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (METI) ถือเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งแรกของอาเซียนและลำดับ 3 ของเอเชีย พร้อมจับมือ ปตท. ในการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำเพื่อผลิตไฟ 5 แสน-1 ล้านตันต่อปี เพื่อช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์

โรงไฟฟ้า BLCP ร่วมกับญี่ปุ่น ศึกษาการนำแอมโมเนียคาร์บอนต่ำเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมผลิตไฟฟ้าแห่งแรกของอาเซียน ลำดับ 3 ของเอเชีย พร้อมจับมือ ปตท. จัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำในการผลิตไฟ 5 แสน - 1 ล้านตันต่อปี เพื่อช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์

นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวถึง ภาพรวมของธุรกิจโรงไฟฟ้าและทิศทางการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า BLCP ว่า โรงไฟฟ้า BLCP เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ (IPP) มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1,434 เมกะวัตต์ จากหน่วยผลิต 2 หน่วย โดยไฟฟ้าที่ผลิตจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งพันธกิจหลักขององค์กรครอบคลุมทั้งด้านการสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า (System Stability) รักษาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โรงไฟฟ้า BLCP ร่วมกับญี่ปุ่น ศึกษาการนำแอมโมเนียคาร์บอนต่ำเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมผลิตไฟฟ้าแห่งแรกของอาเซียน ลำดับ 3 ของเอเชีย พร้อมจับมือ ปตท. จัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำในการผลิตไฟ 5 แสน - 1 ล้านตันต่อปี เพื่อช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์

เป้าหมายดังกล่าวถูกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การเลือกถ่านหินทูมินัสคุณภาพสูงมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยนำเข้าจากออสเตรเลียปีละประมาณ 3.6 ล้านตัน ร่วมกับระบบเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ไม่ว่าจะเป็นระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) ระบบดักจับฝุ่นไฟฟ้าสถิต (ESP) พร้อมการดูแลและการพัฒนาประสิทธิภาพในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยนวัตกรรมเทคโนยีสมัยใหม่ ช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น การลดการใช้น้ำจืดในกระบวนการผลิต การจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียและนำน้ำที่บำบัดแล้วหมุนเวียนมาใช้ใหม่ การควบคุมการปล่อยมลพิษที่ได้มาตรฐานตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด ฯลฯ ส่งผลให้การใช้เชื้อเพลิงลดลง ของเสียจากการผลิตลดลง ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนมากขึ้น

ส่วนความสำคัญและบทบาทของการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินนั้น ถือว่ายังคงมีความจำเป็นต่อบริบททางสังคมและเศรษฐกิจของไทย ก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานอื่นที่ปัจจุบันยังมีต้นทุนการผลิตและการลงทุนที่สูงอยู่มาก ซึ่งต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า BLCP นั้น เฉลี่ยไม่ถึง 2 บาท เพราะถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น หาได้ง่ายและมีปริมาณมาก ทำให้เมื่อนำต้นทุนการผลิตไปคำนวณเป็นค่าเอฟทีแล้ว สามารถรักษาเสถียรภาพของค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงจนเกินไปจนเกิดผลกระทบต่อประชาชน หรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

นอกจากหน้าที่สำคัญในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้ดีที่สุดแล้ว โรงไฟฟ้า BLCP ยังมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชนและบริษัทชั้นนำของไทยและต่างประเทศ อาทิ เจร่า (JERA) หนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกจากประเทศญี่ปุ่น, Mitsubishi Corporation และ Mitsubishi Heavy Industries, Chiyoda Corporation, Algae Bio, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ฯลฯ ซึ่งโครงการความร่วมมือนั้น ครอบคลุมในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า การลดมลพิษ การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและโครงการที่สนับสนุนการสร้างความยั่งยืนตามแนวทาง ESG Model

ล่าสุดโรงไฟฟ้า BLCP ได้มีการจับมือกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ สำหรับเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าของ BLCP โดยเป็นผลต่อเนื่องจากการศึกษาถึงโอกาสในการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ สำหรับเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าถ่านหินของ BLCP เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โดยได้ร่วมกันเพื่อศึกษาตลาดแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ เจรจากับผู้ผลิตและผลักดันกับทางภาครัฐให้แอมโมเนียใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ซึ่งบันทึกข้อตกลงฉบับใหม่ ได้ขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุมการร่วมกันศึกษาและประเมินศักยภาพของโครงการตั้งแต่ขั้นตอนการสาธิต (Demonstration) จนถึงการพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ (Commercialization) ถือเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนในระดับสากล ซึ่งการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาเป็นเชื้อเพลิงร่วมในการผลิตไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้า BLCP นับเป็นแห่งแรกของอาเซียนและเป็นลำดับที่ 3 ของเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่นและเกาหลี

โดยผลดีของการนำแอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมนั้น ทำให้การผลิตไฟฟ้าสะอาดขึ้น ช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) โดยชนิดของแอมโมเนียคาร์บอนต่ำที่นำมาใช้นั้นเป็นแอมโมเนียสีน้ำเงิน (Blue Ammonia) ที่ดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปกักเก็บเพื่อใช้ประโยชน์อื่น โดยไม่ปล่อยออกสู่อากาศ ซึ่งการศึกษาเบื้องต้นโรงไฟฟ้า BLCP จะใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำร่วมในการผลิตที่ 5 แสน - 1 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถ่านหินลงได้ประมาณ 5-20%

สำหรับโครงการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้า BLCP นั้น เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566 โดยเป็นการศึกษาวิจัยและพัฒนาร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งโรงไฟฟ้า BLCP, บ้านปู, เอ็กโก, เจร่า (JERA), Mitsubishi Corporation, Mitsubishi Heavy Industries ภายใต้ทุนสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (METI) ที่นอกจากจะสนับสนุนโครงการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำแล้ว ยังให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ของโรงไฟฟ้า BLCP อาทิ โครงการนำคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาใช้ โครงการใช้จุลสาหร่ายในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดำเนินการร่วมกับ Algal Bio ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลสาหร่ายระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายโครงการในอนาคตอีกด้วย

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) "มุ่งพัฒนาพลังงานที่มั่นคง เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน" ผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.blcp.co.th/web/index หรือ Facebook : โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี - BLCP Power Limited


ข่าวกระทรวงเศรษฐกิจการค้า+คาร์บอนฟุตพริ้นท์วันนี้

ผลสำเร็จจากความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่น "ทีมสนับสนุนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ The Smart Monodzukuri Support Team"

ผลสำเร็จจากความร่วมมือ ไทย-ญี่ปุ่น "ทีมสนับสนุนอุตสาหกรรมอัจฉริยะ The Smart Monodzukuri Support Team" กระทรวงอุตสาหกรรม, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.), กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (METI) และสมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ญี่ปุ่น-ไทย (JTECS) ร่วมกับ องค์กรภาคอุตสาหกรรม อาทิ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท., องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok), The Association for Overseas Technical Cooperation and Sustainable Partnerships (AOTS)

"ชยพร พรประภา" ร่วมกับมัตซึนากะและโตไกกิก... “พรประภา” แตกไลน์ธุรกิจบริการ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเพื่อสุขภาพอนามัย — "ชยพร พรประภา" ร่วมกับมัตซึนากะและโตไกกิกิ รุกคืบธุรกิจเพื่อสุขภาพอนามัย โดยมุ่งเน...

รมว.คลังเยี่ยมคารวะ รมว.กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น พร้อมหารือผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานเศรษฐกิจและบริษัทเอกชนญี่ปุ่น

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ได้เข้าพบนาย Hiroshige...

นายคัทซึฮิโกะ ซุกิโตะ กรรมการบริหาร บริษั... “เด็นโซ่” เสริมความแข็งแกร่ง SMEs ไทย — นายคัทซึฮิโกะ ซุกิโตะ กรรมการบริหาร บริษัท เด็นโซ่คอร์ปอเรชั่น (สำนักงานใหญ่ เมืองคาริยะ จังหวัดไอจิ ประ...

สคช. ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมจัดสัมมนา “สมรรถนะของคน หุ่นยนต์ เทคโนโลยี ก้าวต่อไปของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต”

พร้อมออกมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพในสาขาผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รองรับกำลังคนในอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ที่กำลังจะลดจำนวนลง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ตอบสนองการควบคุมกระบวนการผลิตที่ใช้หุ่นยนต์และเทคโน...

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี น... ภาพข่าว: ต้อนรับนักธุรกิจญี่ปุ่น — นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นกว่า 570 ราย นำโดยนายฮิโรชิเกะ เซโกะ...

นาย จิรัฐ บวรวัฒนะ หุ้นส่วน บริษัท Thai N... มิ้นต์-เก๋ ชวนเที่ยว The Wonder of KYUSHU — นาย จิรัฐ บวรวัฒนะ หุ้นส่วน บริษัท Thai NaKama จำกัด ร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่นโดย กระทรวงเศรษฐกิจการค้าแ...