เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง (HSBC Global Private Banking) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ในหัวข้อ "ธุรกิจครอบครัวในเอเชีย: ความสอดคล้องในการวางแผนสืบทอดธุรกิจ" (Family-owned businesses in Asia: Harmony through succession planning) ซึ่งวิเคราะห์ความพร้อมของเจ้าของธุรกิจครอบครัวในเอเชียในการสืบทอดธุรกิจและการบริหารจัดการความมั่งคั่งในอนาคต
เจ้าของธุรกิจครอบครัวในเอเชียให้ความสำคัญกับการส่งต่อมรดกและรักษาความมั่งคั่งไว้ให้กับทายาทรุ่นหลัง แต่อย่างไรก็ตาม มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้เตรียมแผนการสืบทอดธุรกิจในครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเจ้าของธุรกิจรุ่นที่สองหรือสาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างความตั้งใจและการลงมือวางแผนส่งต่อธุรกิจไปยังทายาทจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อเทียบกับเจ้าของธุรกิจครอบครัวในตลาดฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ เจ้าของธุรกิจครอบครัวถึง 78% ทั่วโลกยังต้องการรักษาธุรกิจไว้ในครอบครัว แต่ก็มีกว่า 52% ที่ยังไม่มีแผนสำหรับอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในเอเชีย ซึ่งประมาณสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน ยังไม่มีแผนการในอนาคตว่าจะบริหารธุรกิจต่อจากรุ่นของตนอย่างไร
ความแตกต่างที่สำคัญของแรงจูงใจและแนวทางทางเลือกในการสืบทอดธุรกิจที่เจ้าของธุรกิจครอบครัวในแต่ละประเทศ ได้แก่
- อินเดีย มีสัดส่วนผู้ประกอบการที่ตั้งใจส่งต่อธุรกิจให้สมาชิกในครอบครัวมากที่สุดถึง 79% ซึ่งใกล้เคียงกับสหราชอาณาจักร (77%) และสวิตเซอร์แลนด์ (76%) ในขณะที่ผู้ประกอบการในฮ่องกงมีความตั้งใจในลักษณะเดียวกันน้อยกว่าเกือบครึ่งหนึ่ง (44%) ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่มี 56% และไต้หวันมี 61%
- เจ้าของธุรกิจครอบครัวในจีนแผ่นดินใหญ่ (25%) ฮ่องกง (29%) ไต้หวัน (27%) และสิงคโปร์ (22%) มีความสนใจในทางเลือกที่จะขายธุรกิจออกไปเพื่อยุติบทบาทการบริหารธุรกิจมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าของธุรกิจครอบครัวใน 10 ตลาดที่ได้มีการสำรวจ ทั้งนั้น สำหรับเจ้าของธุรกิจครอบครัวในทั่วโลกนั้น กลุ่มธุรกิจที่นิยมขายธุรกิจเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งไปยังทายาทสูงสุด คือ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (21%) ซึ่งเอเชียครองสัดส่วนเกือบสองในสามของการส่งออกธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
- ความต้องการในการขายธุรกิจของครอบครัวที่แตกต่างกัน อาจเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ตรงและแรงจูงใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่สืบทอดธุรกิจของครอบครัว โดยจากผลสำรวจในกลุ่มเจ้าของธุรกิจรุ่นที่สองหรือสาม พบว่าเกือบ 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามในจีนแผ่นดินใหญ่ รู้สึกว่าตนมีหน้าที่รับผิดชอบในการสืบทอดธุรกิจครอบครัว ในขณะที่ในอินเดียมีเพียง 7% เท่านั้น
- อย่างไรก็ตาม เจ้าของธุรกิจครอบครัวที่มีการสืบทอดกันมาหลายเจอเนอเรชั่นทั่วเอเชียก็ยังคงได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในครอบครัวรุ่นก่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ที่มีการสนับสนุนจากรุ่นก่อนสูงถึง 83% และในไต้หวัน ซึ่งอยู่ในอันดับต่ำสุดของเอเชีย ก็ยังมีสัดส่วนถึง 70%
ถึงแม้ว่าครอบครัวในเอเชียจะมีการวางแผนการสืบทอดธุรกิจน้อยกว่าภูมิภาคอื่นในโลก แต่กลับตระหนักถึงความจำเป็นในการวางแผนจัดการความมั่งคั่งอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจในเอเชีย โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 79% ของ GDP ซึ่งนับว่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และจีนแผ่นดินใหญ่ที่ประมาณ 50% ของ GDP ทำให้ธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเอกชน
นายล็อค ยิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานโกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า "การเล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของธุรกิจที่ดำเนินการบริหารโดยครอบครัวในฐานะส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลกเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งต้องยอมรับว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านกิจการจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง หรือสู่การบริหารจัดการรูปแบบใหม่ โดยเราได้เห็นแล้วว่ามุมมองและพลวัตภายในครอบครัวผู้ก่อตั้งมีอิทธิพลต่อทิศทางของธุรกิจอย่างมาก"
รายงานของธนาคารเอชเอสบีซียังระบุว่า แม้เจ้าของกิจการครอบครัวจำนวนมากให้ความสำคัญกับมรดกและความต่อเนื่องของธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องการให้กิจการยังคงอยู่ในครอบครัวเสมอไป แม้หลายคนจะเชื่อมั่นและไว้วางใจในคนรุ่นถัดไป แต่ก็เปิดกว้างให้ลูกหลานได้เลือกเส้นทางของตนเอง เพราะอาจมีแรงบันดาลใจหรือความฝันที่แตกต่างกันออกไป
นางอีดิธ อัง หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านธุรกิจครอบครัว สายงานโกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า "เจ้าของธุรกิจครอบครัวในเอเชียสามารถเตรียมตัวรับมืออนาคตได้ดีขึ้น ด้วยการนำแนวคิดการวางแผนส่งต่อธุรกิจและความมั่งคั่งที่ยืดหยุ่นและมองไปข้างหน้ามาปรับใช้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุของธุรกิจและปกป้องความมั่งคั่งของครอบครัวได้อย่างยั่งยืน"
"การเริ่มต้นพูดคุยเรื่องการสืบทอดธุรกิจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ครอบครัวสามารถสร้างความเข้าใจร่วมกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ที่ปรึกษาทางธุรกิจทำงานร่วมกับครอบครัวได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ทุกคนจะมีเวลาที่จะเรียนรู้ และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น โดยทางเลือกก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเก็บธุรกิจไว้ในครอบครัวหรือขายกิจการ และการตั้งสำนักงานครอบครัว (Single Family Office) เพื่อบริหารจัดการความมั่งคั่งอย่างเป็นระบบเท่านั้น แต่บางครั้งทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดอาจเป็นการผสมผสานระหว่างทั้งสองแนวทางอย่างเหมาะสมเช่นกัน" นางอีดิธ กล่าวเสริม
กสิกรไทยประกาศเตรียมซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 47.39 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท เพื่อบริหารทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินกองทุน
เคทีซีคว้ามาตรฐาน ISO ต่อเนื่อง ยกระดับความมั่นคงไซเบอร์ เสริมเกราะข้อมูลลูกค้ายุคดิจิทัล
ไฮเออร์ ติดโผ Forbes World's Best Employers ปีที่ 9 ควบ Top Employer China 2025 สะท้อนพลังองค์กรแห่งอนาคต ที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในโลก
เปิดมุมมอง "อนิวรรต ศรีรุ่งธรรม" ผู้บริหารรุ่นใหม่ พลิกโฉมธุรกิจทองคำไทยด้วยเทคโนโลยี
สกพอ. จับมือ Osaka City ลงนาม MOU หนุนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ขับเคลื่อนดึงภาคเอกชนญี่ปุ่นลงทุนอุตสาหกรรมสีเขียว สู่พื้นที่อีอีซี
"ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป" จับมือ "เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)" เสริมแกร่งธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เปิดตัวโครงการ "Shama Sukhumvit 101"
กสิกรไทย ผนึกกำลัง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ อบก. Kubix และ Orbix Technology เปิดตัวโครงการนำร่องทดสอบการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคนดิจิทัล ครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย
PwC ประเทศไทย เตือนธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือมาตรการตรวจสอบภาษีเข้มข้นหลังปฏิรูปครั้งใหญ่สู่สมาชิก OECD