นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตการใช้รถของ สนน. ขนไม้เพื่อเตรียมปิดกั้นคูน้ำท่อลอดถนนหลวงแพ่งอาจเอื้อประโยชน์ให้เอกชน และพบกระสอบเปล่าสำหรับบรรจุทรายซึ่งไม่มีตรา กทม. บริเวณวอเตอร์แบงค์ว่า สนน. ได้ขอจัดสรรงบประมาณประจำปี 2568 สำหรับล้างทำความสะอาดท่อลอดระบายน้ำ 11 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการจัดหาผู้รับจ้าง โดยอยู่ในขั้นตอนรอการอุทธรณ์ภายใน 7 วัน และจะครบกำหนดในวันที่ 17 มิ.ย. 68 สำหรับท่อลอดระบายน้ำถนนหลวงแพ่ง หรือคูน้ำสำเภาทะลาย เป็น 1 ใน 11 ท่อลอดที่ของบประมาณดังกล่าว เนื่องจากพื้นที่บริเวณถนนหลวงแพ่ง ช่วงบริเวณหน้าโรงเรียนแสงหิรัญและหน้าโลตัส มักประสบปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา สนน. จึงได้ก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 3.50 ลูกบาศก์เมตร (สบ.ม.)/วินาที บริเวณคูน้ำสำเภาทะลาย ถนนหลวงแพ่ง ซึ่งปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถลดปัญหาน้ำท่วมบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ท่อลอดระบายน้ำบริเวณดังกล่าวเกิดการอุดตันจากดิน โคลน และเศษวัสดุ ส่งผลให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ไปยังคลองประเวศบุรีรมย์ผ่านบ่อสูบน้ำคูน้ำสำเภาทะลายไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สนน. จึงได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนโดยใช้แรงงานของเจ้าหน้าที่ขุดลอกเปิดทางน้ำภายในท่อลอดด้วยตนเอง เพื่อให้น้ำจากถนนหลวงแพ่งสามารถไหลเข้าสู่บ่อสูบน้ำได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการดำเนินการดังกล่าวยังช่วยลดงบประมาณและสามารถตัดปริมาณงานในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในพื้นที่ดังกล่าวออกจากปริมาณงานรวมได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนกรณีการนำรถยนต์ทางราชการไปใช้ขนย้ายไม้ เนื่องจากเป็นภารกิจเร่งด่วนในการก่อสร้างทำนบชั่วคราวบริเวณคลองหลอด 3 พื้นที่เขตบางนา เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รวมถึงบริเวณถนนหลวงแพ่งช่วงคูน้ำสำเภาทะลายที่มีท่อลอดระบายน้ำลอดใต้ถนน โดยปลายท่อด้านหนึ่งเชื่อมกับบ่อสูบน้ำคูน้ำสำเภาทะลาย อีกด้านหนึ่งเชื่อมกับคูน้ำลำรางที่เชื่อมต่อถึงจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนน้ำจากจังหวัดสมุทรปราการจะไหลผ่านคูน้ำเข้ามาเติมในท่อระบายน้ำถนนหลวงแพ่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขยายวงกว้าง ดังนั้น สนน. จึงจำเป็นต้องก่อสร้างทำนบชั่วคราว ซึ่งใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก เพื่อปิดกั้นน้ำจากฝั่งจังหวัดสมุทรปราการไม่ให้ไหลเข้าสู่ระบบระบายน้ำในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันน้ำท่วมและลดผลกระทบต่อประชาชนในด้านที่อยู่อาศัยและการสัญจร ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 68
สำหรับกรณีกระสอบที่ตรวจพบภายในวอเตอร์แบงค์ ถนนศรีนครินทร์ สนน. ตรวจสอบแล้วพบว่า กระสอบดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินของ กทม. แต่เป็นของผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างถนนรามคำแหง 24 ที่นำดินจากการก่อสร้างมาถมไว้ใกล้บริเวณวอเตอร์แบงค์ และทำให้เกิดความเสียหายต่อรั้ว ส่งผลให้น้ำจากกองดินไหลบ่าเข้าสู่ภายในวอเตอร์แบงค์ สนน. จึงได้แจ้งต่อผู้รับจ้าง พร้อมให้แนวทางการจัดทำแนวเบี่ยงทางน้ำบริเวณกองดิน โดยใช้กระสอบบรรจุดินวางเรียงเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าวอเตอร์แบงค์ และเปลี่ยนเส้นทางไหลของน้ำไปยังถนนศรีนครินทร์แทน พร้อมทั้งได้กำชับและเน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติในการใช้ทรัพย์สินราชการให้เป็นไปตามระเบียบราชการ โดยปฏิบัติตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่องการทรัพย์สิน พ.ศ. 2538 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2553 อย่างเคร่งครัด พร้อมเน้นย้ำมิให้ผู้ใดละเมิดระเบียบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ กทม.
กทม. เร่งแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำกีดขวางทางน้ำคลองบางซื่อ เดินหน้าฟื้นฟูคลอง-เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ
สนน. แจงโครงการระบบรวบรวมน้ำเสียริมคลองแสนแสบตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ-ใช้วัสดุไทยเกิน 60% คุมเข้มมาตรฐานงานก่อสร้าง
กทม. เดินหน้าขุดลอกคลองลาดพร้าวเปิดทางน้ำ-แจงเศษวัสดุจากการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำ
กทม.เดินหน้าล้างท่อระบายน้ำครบ 100% ภายใน มิ.ย.นี้ กำชับผู้ค้าติดตั้งถังดักไขมันก่อนปล่อยน้ำทิ้ง