นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า จากข้อมูลระบบสารสนเทศทางระบาดวิทยา สำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข กทม. ในปี 2567 พบผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 10,879 ราย โดยโรคที่พบมากที่สุดคือ ซิฟิลิส 3,677 ราย รองลงมาคือ หนองใน หนองในเทียม และหูดหงอนไก่ ซึ่งร้อยละ 70 ของผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นกลุ่มเยาวชน อายุ 15 - 24 ปี ส่วนปี 2568 มีผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 7 กลุ่ม ได้แก่ ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง เริมที่อวัยวะเพศ และหูดอวัยวะเพศและทวารหนัก รวม 4,543 ราย ซึ่งพบว่า เข้ารับการรักษาในศูนย์บริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัด กทม. จำนวน 1,375 ราย หรือร้อยละ 30.26 พบโรคซิฟิลิสมากที่สุด 766 ราย รองลงมาเป็นโรคหนองใน 251 ราย และหนองในเทียม 132 ราย กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ กลุ่มช่วงอายุ 25 - 34 ปี จำนวน 528 ราย รองลงมาคือ กลุ่มช่วงอายุ 15 - 24 ปี จำนวน 490 ราย และกลุ่มช่วงอายุ 35 - 44 ปี จำนวน 178 ราย สะท้อนแนวโน้มการติดเชื้อรายใหม่เป็นกลุ่มอายุช่วงเยาวชนจนถึงกลุ่มวัยทำงาน
สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กทม. ได้ประสานความร่วมมือหน่วยงานในสังกัด ได้แก่ ศูนย์บริการสาธารณสุข สนอ. สำนักการแพทย์ สำนักงานเขต สำนักการศึกษา รวมถึงหน่วยงานภายนอก อาทิ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ร้านยาคุณภาพ สถานประกอบการ สถานบันเทิง ภาคเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคม (NGO) ในการส่งเสริมความรู้และสร้างความตระหนักแก่ครู นักเรียนแกนนำ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และบุคลากรในสังกัด กทม. จัดกิจกรรมรณรงค์ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันเอดส์โลก วันวาเลนไทน์ Pride Month และ VCT Day จัดบริการดูแลรักษาและส่งต่อผู้ป่วยโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงจัดบริการเคลื่อนที่ เช่น การตรวจคัดกรองสุขภาพ ตรวจเอชไอวี ซิฟิลิส แก่เยาวชน ประชาชนในสถานบันเทิง สถานประกอบการ จุดรวมตัว และสนับสนุนชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง อีกทั้งยังสนับสนุนการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น เป็นต้น พร้อมทั้งเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาในกลุ่มเยาวชน โดยสำรวจพฤติกรรมการใช้ถุงยาง ความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ ยังจัดมาตรการเชิงรุก โดยดำเนินโครงการ "เยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจสุขภาพ" เพื่อให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาขั้นพื้นฐาน (Basic Counseling) โดยจัดอบรมครู 2 รุ่น และอบรมแกนนำเยาวชนอีก 2 รุ่น จากนั้นแต่ละโรงเรียนจะนำความรู้ที่ได้รับไปดำเนินกิจกรรมในโรงเรียน 109 แห่ง ระหว่างเดือน มิ.ย. - ก.ค. 68 รวมทั้งจัดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขเกี่ยวกับการสื่อสารเรื่องโรคเอดส์และเพศ รวม 2 รุ่น จำนวน 140 คน และอบรมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในสังกัด กทม. ให้มีความรู้เกี่ยวกับเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการให้คำปรึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาศักยภาพในการให้บริการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันได้จัดกิจกรรมเชิงรุกให้ความรู้และตรวจคัดกรองในสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รวม 10 แห่ง ร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคม เช่น ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ และดำเนินการออกหน่วยบริการตรวจสุขภาพในกลุ่มพนักงานบริการในจุดรวมตัว 9 แห่งทั่วกรุงเทพฯ รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์ในวันสำคัญต่าง ๆ โดยสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง อีกทั้งได้เพิ่มจุดกระจายถุงยางอนามัย (Condom Box) ในสถานศึกษา ชุมชน และร้านยาคุณภาพ ผลิตและแจกจ่ายสื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่ประชาชน นักเรียน และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตลอดจนสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เช่น เว็บไซต์สำนักอนามัย เพจเฟซบุ๊ก "I Love Club สำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข" Line OA @prepbangkok และ TikTok ของสำนักอนามัย
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่า อัตราป่วยโรคซิฟิลิสและหนองใน ในช่วงปี 2563 - 2567 พบมากในกลุ่มอายุ 15 - 24 ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สนพ. จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นมาตรการพื้นฐานที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนสถานการณ์โรคฝีดาษวานร (Monkeypox) ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 65 - 8 มิ.ย. 68 พบผู้ป่วยสะสมในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 501 ราย โดยกลุ่มเขตกรุงเทพกลางเป็นพื้นที่ที่พบผู้ป่วยมากที่สุด สนพ. จึงมีแผนขยายการดำเนินงานเชิงรุกในสถานศึกษา ชุมชน และร้านขายยา เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและการป้องกันโรคอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งดำเนินงานด้านการควบคุมและป้องกันโรคเอชไอวี (HIV) อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ผ่านการจัดระบบบริการสุขภาพที่เอื้อต่อการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน การตรวจคัดกรอง และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการใช้แนวทาง RRTTPR (Reach - Recruit - Test - Treat - Prevention - Retain) ประกอบด้วย Reach & Recruit การจัดบริการเชิงรุกและเชิงรับในการให้ความรู้และชักชวนกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการตรวจคัดกรอง HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม โดยร่วมกับภาครัฐและองค์กรเอกชนในสถานศึกษา สถานบันเทิง และจุดรวมตัวของเยาวชน Test & Treat การตรวจคัดกรอง HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเสี่ยงสูง และผู้ที่ไม่มีสิทธิการรักษา หากตรวจพบว่า ติดเชื้อจะให้บริการดูแลรักษา หรือส่งต่อไปยังสถานพยาบาลตามสิทธิ Prevention การส่งเสริมให้ใช้ถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น รวมถึงยาป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนและหลังการสัมผัสเชื้อ (PrEP และ PEP) และ Retain การติดตามผู้ติดเชื้อให้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และติดตามกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงให้ได้รับการป้องกันอย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน สนพ. ยังได้จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนในโรงเรียนสังกัด กทม. ผ่านกิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยและการเข้าถึงยาป้องกันการติดเชื้อ HIV ทั้ง PrEP และ PEP พร้อมสนับสนุนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ โดยประชาสัมพันธ์คลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย กทม. (BKK Pride Clinic) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้ารับบริการได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ กทม. ได้ดำเนินมาตรการจัดหาและกระจายถุงยางอนามัย สารหล่อลื่น ให้กับกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง ทั้งในระบบการศึกษา นอกระบบการศึกษา สถานบันเทิง และสถานประกอบการ พร้อมวางแผนติดตามประเมินผลร่วมกับภาคีเครือข่ายอย่างต่อเนื่องทุกปี ประชาชนที่สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษาและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่ BKK Pride Clinic รวม 32 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลในสังกัด กทม. 12 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 20 แห่ง หรือสอบถามข้อมูลผ่านระบบ Telemedicine บนแอปพลิเคชัน "หมอ กทม." หรือ HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกในการเข้มงวดตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2565 ว่า กทม. ได้ดำเนินการตาม "ยุทธการปราบไขมันอุดตันป้องกันน้ำท่วม" อย่างจริงจังทั้ง 50 สำนักงานเขต โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการ ร้านอาหาร ตลาด เพื่อติดตั้งถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน รณรงค์ไม่ปล่อยน้ำทิ้งปนเปื้อนไขมันลงท่อระบายน้ำ
กทม. รุกเข้มมาตรการป้องกันไข้เลือดออก พร้อมพัฒนาระบบจัดการสาธารณสุขเขตเมือง
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้า...
กทม. ขับเคลื่อนมาตรการควบคุม-ป้องกันผลกระทบจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึง...
กทม. รุกเข้มเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่-โรคตามฤดูกาล แนะ 7 กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ถึง 31 ส.ค. นี้
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนัก...
กทม. หนุนส่งเสริมความรู้โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พร้อมจัดหน่วยคาราวานตรวจสุขภาพทั่วกรุง
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่า...
กทม. ตรวจเข้มผลกระทบสิ่งแวดล้อมรอบจุดเพลิงไหม้ในซอยฉลองกรุง 51 ย้ำกลุ่มเสี่ยงสวมหน้ากาก N95
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่...
กทม. ตรวจเข้มผลกระทบสิ่งแวดล้อมรอบจุดเพลิงไหม้ในซอยฉลองกรุง 51 ย้ำกลุ่มเสี่ยงสวมหน้ากาก N95
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่...
กทม. เข้มเฝ้าระวังป้องกันยา/สารเสพติดรอบสถานศึกษาในสังกัด หนุนความรู้เรื่องโทษ-ภัยให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง
—
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย...