บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
มุมมอง "Neutral" ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากบริษัทยังคงเป้าหมายการขายที่ 500,000 ตัน (+14%y-y) และการเลื่อนเปิดโรงงานเป็นไปตามที่เราคาด โดยเรามองว่า กลยุทธ์ของ NER มีความรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับโมเมนตั้ม 2Q25F คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y จากปริมาณการขายและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น แต่คาดลดลง q-q จากปัจจัย ฤดูกาล คงประมาณการกำไรสุทธิ 2025F ที่ 1,974 ลบ. (+19%y-y) คงคำแนะนำ Buy TP 5.85 บ.
ประเด็นสำคัญ
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
NER : กำไรดีกว่าคาด โตทั้ง y-y และ q-q
1Q25 กำไรสุทธิ 609 ลบ. ขยายตัว +34% y-y และ +69% q-q จากปริมาณขายมากกว่าคาด : ยอดขาย 8,698 ลบ. +33% y-y แต่หด -3% q-q ภายใต้ปริมาณขายอยู่ที่ 127,090 ตัน +11% y-y แต่หด -7% q-q แต่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 68.44 บาท/ กิโลกรัม เพิ่ม +20% y- y และ +4% q-q และราคาขายที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าต้นทุน ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 10.6% จาก 8.8% ใน 4Q23 แต่ยังต่ำกว่า 11.6% ใน 1Q24
บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด
NER รายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ระดับ 608.84 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า 34.22%YoY โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญของรายได้จากการขายที่เติบโตกว่า 32.96%YoY อยู่ที่ 8.7 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ (สัดส่วน 69.87% ของยอดขายทั้งหมด) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 24.81% YoY มาอยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท และรายได้จากต่างประเทศ (30.13% ของรายได้ทั้งหมด) เติบโต 56.71%YoY สู่ระดับ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นกว่า 10.88% มาอยู่ที่ระดับ 1.27 แสนตัน รวมถึงราคาขายสินค้ายางเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 19.9%YoY รวมถึง SG&A to Sales ที่ในช่วง 1Q68 อยู่ที่ 2.01% ลดลงจาก 2.33% ใน 1Q67 จากการลดลงของค่าใช้จ่ายกิจกรรม CSR ส่วน Gross Profit Margin ใน 1Q68 อยู่ที่ 10.61% ลดลงจาก 11.64% ใน 1Q67 โดยได้รับผลกระทบจากราคายางที่มีการเพิ่มขึ้นกระทบต่อสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบยางเมื่อเทียบกับรายได้มีต้นทุนสูงขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 2Q68 และ 3Q68 จะยังเติบโตต่อและยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Reciprocal Tariff โดยบริษัทยังคงเป้าปริมาณขายที่ 500,000 ตัน โดย Demand จะยังเป็นบวกจากแนวโน้มยอดขายรถ EV ที่ยังเพิ่มขึ้นรวมถึงสัดส่วน Replacement Ratio ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ Supply ที่ปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นจะหนุนปริมาณการผลิต
ส่วนผลกระทบต่อมาตรการภาษี ลูกค้าโรงงานจีนในไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากปริมาณส่งออกยางรถยนต์จากโรงงานจีนในไทยไปยังสหรัฐฯคิดเป็นเพียง 4% ของทั้งหมด ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามอยู่ที่การเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีซึ่งจะมีผลต่อยอดขายในช่วงปลาย 3Q68 - 4Q68
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
กำไร 1Q25 ออกมาดี แต่ช่วงที่เหลือของปีอาจจะชะลอตัว ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนของภาษี
ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ และปรับราคาเป้าหมายลงมาเป็น 4.50 บาท อิง Avg PER 4.5 เท่า แนวโน้มกำไรอาจจะชะลอลงในช่วงถัดไป และความไม่แน่นอนของภาษีสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายได้ โดยราคาหุ้นเคยทำจุดสูงสุดในปีที่ 5.05 บาท ก่อนปรับลดลงกว่า -15% ในช่วงเดือนเมษายนที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี
NER รายงานกำไรใน 1Q25 สุดโดดเด่นที่ 609 ล้านบาท +34% YoY, +69% QoQ ซึ่งไตรมาสก่อนมีผลของ Fx Loss ค่อนข้างมาก ในขณะที่ไตรมาสมีผลของ Hedging gain ถ้าไม่รวมผลของรายการดังกล่าวกำไรปกติอยู่ราว 595 ล้านบาท +25% YoY, +23% QoQ โดยเพิ่มขึ้น YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เพิ่มขึ้น QoQ จากราคาขายปรับขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
NER กำไรยังแกร่งถึง 3Q25
- แนวโน้ม 2Q25 เบื้องต้นคาดปริมาณขายลดลงเล็กน้อย QoQ อยู่ที่ 1.2 แสนตัน ขณะที่ราคาขาย เฉลี่ยคาดปรับสูงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับ GPM ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน คาดเบื้องต้นที่ราว 10.0% จาก 10.6% ใน 1Q25 จากต้นทุนที่ขยับขึ้นจากราคาใน 1Q25 ขณะที่ราคาที่ลดลงใน 2Q25 มีวัตถุดิบให้ซื้อไม่มากทำให้ ถัวเฉลี่ยราคาลงไม่ได้มาก คาดกำไรสุทธิที่ 500 ลบ.+/- ลดลง 10 - 15% QoQ แต่ยังเติบได้ YoY
- ผลการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯต่อไทยและจีน ทำให้ลูกค้ากลุ่ม Trader ซึ่งบริษัทฯ มียอดขาย ผ่านกลุ่มนี้ราว 60 - 70% ชะลอการซื้อ แม้ว่าแท้จริงแล้วลูกค้าจีนโดยตรงจะได้รับผลกระทบจำกัด เพราะยางล้อที่ผลิตในจีนมีการส่งออกไปสหรัฐฯเพียง 4% แต่ลูกค้ากลุ่ม Trader มักมีความอ่อนไหวต่อประเด็นเศรษฐกิจมหภาค แต่หลังจากที่สหรัฐฯและจีนมีการเจรจาและลดภาษีระหว่างกันลงชั่วคราวทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมาทำการซื้อมากขึ้น แต่ยังอยู่ที่ระดับประมาณ 75% ของระดับปกติก่อนประกาศภาษีวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งผลกระทบนี้จะกระทบเต็มที่ใน 4Q25 แต่ถือว่าน้อยกว่าที่คาดไว้เดิมว่าอาจจะเริ่มกระทบชัดเจนใน 3Q25 เลย เนื่องจากยอดขายใน 3Q25 มากกว่า 70% มีการปิดการขายไปแล้วก่อน 2 เม.ย.
- NER มีลูกค้ายางล้ออินเดียรายใหม่ 1 ราย คาดว่าจะเริ่มทำการซื้อขาย 4Q25 และจะไปหนุนรายได้ 1Q26 เป็นต้นไป และคาดว่าจะมีเพิ่ม1ราย ซึ่งเป็นรายใหญ่กว่ารายแรกจะทดสอบเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค
-แผนขยายกำลังการผลิต บริษัทขอเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 6 เดือน หากสถานการณ์คลี่คลายได้ภายใน 90 วัน จะกลับมาเริ่มก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ใน 1Q26
-ด้วยกำไร 1Q25 ที่ดีกว่าคาด และ2Q-3Q25ยังถูกกระทบจำกัด ประมาณการปัจจุบันเทียบเท่าคาดการณ์กำไร 4Q25 อยู่ที่ระดับ 300 ลบ +/- ซึ่งถือว่ามี Downside risk จำกัด
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมปี2025 มีเป้าการขายที่ระดับ 500,000 ตันเริ่มมีความเสี่ยงจากการที่ลูกค้าบางส่วน มีการชะลอคำสั่งซื้อจากผลกระทบ เรื่องภาษีของสหรัฐฯ และทำให้ทางบริษัทมีการเลื่อนการสร้างโรงงานใหม่เป็นต้นปี 26 แทน อย่างไรก็ตามระยะยาว NER มองว่าจากการที่ไทยเป็นประเทศที่มีผลผลิตยางมากที่สุดในโลก ทำให้ได้ข้อสรุป เรื่องภาษีแล้วคำสั่งซื้อจะทยอยกลับมา ทั้งนี้จากกำไรขั้นต้นในช่วง 1Q25 ที่มีเพียง 10.2% ทำให้เราปรับสมมติฐานทั้งปีลง จากเดิม 11% เหลือ 10.2% จึงประเมินกำไรสุทธิได้ใหม่ที่ 1,863 ล้านบาท เรายังแนะนำ "ซื้อ" เพราะยังมีจุดเด่นเรื่องเงินปันผลที่คาดผลตอบแทนเกือบ 10% แต่แนะนำให้รอความชัดเจนเรื่องภาษีก่อนเข้าลงทุน
และยังคงแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับกำไรลงเล็กน้อย มีปัจจัยบวกมาจากการที่ไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบยางพาราเบอร์ 1 ของโลก ทำให้แม้ว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ แต่บริษัทล้อยางยังคงต้องการยางพาราอยู่ ทำให้การขายยังมีโอกาสเติบโตได้
บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
1Q68 ทำได้ดีกว่าคาด ประมาณการรายได้ที่ 3.17 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 1.92 พันล้านบาท
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 เท่ากับ 608.8 ล้านบาท (+34.2%YoY, +69.4%QoQ) ในงวดมีรายได้จากการขาย เท่ากับ 8,698.0 ล้านบาท (+ 33.0%YoY,-2.6%QoQ) มีปริมาณขาย 127,090 ตัน เพิ่มขึ้น 12,470 ตันหรือ +10.9% เมื่อเทียบกับ 1Q67 แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 69.9% และ รายได้จากการขายต่างประเทศ 30.1% ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 10.6% ลดลงจากช่วง 1Q67 ที่ระดับ 11.6% ขณะที่ในงวดมีผลกระทบขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง 13.3 ล้านบาท
BAFS เตรียมออกหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [ 4.75 5.10 ] % ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ "BBB (tha)" จาก ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เตรียมเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ คาดจองซื้อระหว่างวันที่ 9 และ 13 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล
GFC ต้อนรับนักลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน พร้อมโชว์ เทคโนโลยี PGT-A Plus เพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์
—
นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร...
ซินเน็คฯ ร่วมกับ บล.กรุงศรี อัปเดตเทรนด์อุตสาหกรรมไอที ในหัวข้อ AI - The New S Curve
—
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ดิสทริบิวเตอร์ผ...
"KJL" ร่วมงาน KCS Corporate Access x mai snapshot 2023
—
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนายพงศกร ประเวศวัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบัญ...
TBN จัดเต็มข้อมูลงาน KCS Corporate Access x mai snapshot 2023 โชว์ศักยภาพ ธุรกิจเทคฯ ครบเครื่อง
—
นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี (ที่ 4 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่...
กรุงศรีประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสินและเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน
—
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา...
กรุงศรี เปิดโครงการ "IC NEXT GEN PROGRAM" เฟ้นหาผู้แนะนำการลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง
—
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) เปิดตัวโครงการ "IC NEXT GEN P...
"ไอ-เทล" (ITC) แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหุ้น IPO พร้อมประกาศช่วงราคาเสนอขายที่ 30-32 บาท/หุ้น
—
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอ...