ม.วลัยลักษณ์พัฒนาธุรกิจการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้เทศบาลปากพูน จ.นครศรีธรรมราช ช่วยลดปริมาณขยะจาก 18 ตัน/วัน เหลือเพียง 1.8 ตัน/วัน ลดภาระค่าใช้จ่ายของเทศบาล เพิ่มมูลค่าขยะมูลฝอย มุ่งสร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมมือกับเทศบาลเมืองปากพูนในการสำรวจ เก็บรวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระบบการจัดการขยะของเทศบาลเมืองปากพูน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการขยะด้วยเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจสีเขียวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเมื่อวันที่ 12-16 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันจัดแสดงนิทรรศการ "นวัตกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจสีเขียวของเทศบาลเมืองปากพูน"นำเสนอแนวทางและเทคโนโลยีที่ช่วยส่งเสริมความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริเวณลานกิจกรรม หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครศรีธรรมราช โดยได้รับเกียรติจากนายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเปิด รศ.ดร.มัลลิกา เจริญสุธาสินี รองอธิการบดีและคณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ กล่าวรายงาน รศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี หัวหน้าโครงการการพัฒนาธุรกิจการจัดการขยะเศรษฐกิจสีเขียวของเทศบาลเมืองปากพูนและพื้นที่กลุ่มเศรษฐกิจโดยรอบฯ ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน ประชาชนทั่วไปและสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
รศ.ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี กล่าวว่า ปัญหาขยะมูลฝอยเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองปากพูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งต้องเผชิญกับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพบว่า เทศบาลเมืองปากพูนมีปริมาณขยะมากถึง 18 ตันต่อวัน หรือ 6,570 ตันต่อปี ครอบคลุมพื้นที่ 12 หมู่บ้าน ที่มีประชากรกว่า 16,000 ครัวเรือน ปัญหาขยะตกค้าง ก่อให้เกิดมลภาวะทางกลิ่น ควันจากการเผาขยะ และแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์พาหะนำโรค นอกจากนี้ การกำจัดขยะยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงถึง 2.7 ล้านบาท/ปี
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เทศบาลเมืองปากพูนได้ดำเนินนโยบาย "ส่งเสริมการคัดแยกขยะภายในชุมชน" โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นทาง ส่งผลให้ปริมาณขยะที่ต้องกำจัดลดลงเหลือเพียง 1.8 ตันต่อวัน หรือ 657 ตันต่อปี ลดลง 10 เท่า นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะลงเหลือเพียง 361,350 บาทต่อปี ทำให้เทศบาลสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 2.3 ล้านบาทต่อปี
ความสำเร็จของโครงการนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงช่วยลดภาระด้านค่าใช้จ่ายของเทศบาล แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าขยะมูลฝอย ผ่านการนำขยะมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การนำเศษอาหารไปใช้เลี้ยงสัตว์ การนำขยะเชื้อเพลิงไปจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงให้กับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิง การนำขยะอินทรีย์ไปผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพและก๊าซชีวภาพการนำเศษกิ่งไม้ไปทำวัสดุดินปลูก การใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นวัสดุถมที่ดิน การสกัดน้ำมันจากถุงพลาสติกเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด แต่ยังช่วยส่งเสริมแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
นอกจากนี้ คณะวิจัยได้นำผลการศึกษาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของเทศบาลเมืองปากพูน มาจัดแสดงในนิทรรศการ "นวัตกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจสีเขียวของเทศบาลเมืองปากพูน" เพื่อเผยแพร่ความรู้และแนวทางการจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าชมและเรียนรู้แนวทางการบริหารจัดการขยะ รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาเมืองให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ศึกษาศาสตร์ มวล. จับมือ 71 รร. สพม.นศ. สร้างครูคุณภาพสูง สู่มาตรฐานสากล
ม.วลัยลักษณ์ยืนหยัดเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก ครองอันดับ 1201+ ของโลก อันดับ 6 ของไทย THE World University Rankings 2026
ม.วลัยลักษณ์ เจ้าภาพจัดเวทีวิชาการ "พฤกษศาสตร์พื้นบ้าน" ต่อยอดองค์ความรู้พืชสมุนไพรพื้นบ้าน กระตุ้นเศรษฐกิจไทยสู่สากล
ม.วลัยลักษณ์ จับมือประชาคมท่าศาลา สานสัมพันธ์ปี'68 ชูความสำเร็จมหาวิทยาลัยระดับโลก พัฒนาท้องถิ่นยั่งยืน
SCB Academy เปิดตัว "AFAST Smart University" ขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะอนาคตให้นิสิต นักศึกษาไทย สู่บัณฑิตคุณภาพ พร้อมแข่งขันในตลาดแรงงานโลก
มาแล้ว! TCAS'69 ม.วลัยลักษณ์ รอบ Port เปิดรับ 5 รอบย่อย รวมกว่า 3,499 ที่นั่ง #Dek69 เช็กเลย
เคทีซีสานต่อพันธกิจเพื่อสังคม ส่งต่อความรู้ด้านกฎหมายสู่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
จากห้องเรียนสู่สนามจริง! ม.วลัยลักษณ์ผนึกกำลัง อว. เปิดพื้นที่ให้นักศึกษาโชว์พลังไอเดียการตลาด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น