ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิที่ 903.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นการเติบโตของธุรกิจตามเป้าหมาย ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินงานที่เน้นความระมัดระวัง
ธนาคารไทยเครดิต (CREDIT) ประกาศผลกำไรสุทธิประจำไตรมาสแรกของปี 2568 อยู่ที่ 903.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่ร้อยละ 42.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังของธนาคาร การออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง และการเพิ่มจำนวนพนักงานเก็บเงินและเร่งรัดหนี้สินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม NPL Coverage Ratio ยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 150.7 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงานที่ยังมุ่งเน้นความระมัดระวัง
ถึงแม้ว่าประเทศไทยเผชิญกับนโยบายการปรับเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2568 ธนาคารยังสามารถรักษาการเติบโตของกำไรได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ ยอดเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 165,889.6 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 จากปีก่อน นอกจากนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 ตามการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ ในขณะเดียวกัน ธนาคารยังสามารถควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์จากการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคงอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (Gross NPLs ratio) ที่ร้อยละ 4.4 ขณะที่อัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin: NIM) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 7.9 สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธนาคาร
นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT เปิดเผยว่า "แม้จะอยู่ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ ธนาคารไทยเครดิตยังคงดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นความรอบคอบและมีวินัยทางการเงิน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพของสินเชื่ออย่างเข้มงวด พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในสภาพแวดล้อมแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน"
นอกจากนี้ ในปี 2568 ธนาคารไทยเครดิตได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ภายใต้ชื่อ "SME กล้าสู้" โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี ให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคและความท้าทายทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจและมีความมั่นคง สอดคล้องกับจุดยืนของธนาคารที่พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการในทุกช่วงเวลา ("STANDBY เคียงข้าง SME ทุกช่วงเวลา") สินเชื่อ "SME กล้าสู้" ถือเป็นครั้งแรกที่ธนาคารนำโมเดลการพิจารณาสินเชื่อแบบอิงความเสี่ยง (Risk-based Pricing) มาใช้กับกลุ่มลูกค้าไมโครเอสเอ็มอี ที่มีความยืดหยุ่น สามารถคำนวณอัตราดอกเบี้ยตามระดับความเสี่ยงของผู้ประกอบการแต่ละราย ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับเงื่อนไขสินเชื่อที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงเดินหน้าผลักดัน "สินเชื่อเถ้าแก่ใหญ่" อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถต่อยอดกิจการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รองรับความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจ
กลยุทธ์สำคัญที่ธนาคารใช้ในการขับเคลื่อนเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 ประกอบด้วย
กลยุทธ์ทั้งสามด้านนี้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาวของธนาคาร ซึ่งมุ่งสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
"ธนาคารมุ่งมั่นยกระดับการให้บริการทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการวางรากฐานที่มั่นคงผ่านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังถือเป็นการยกระดับระบบและแพลตฟอร์มของธนาคารให้สมบูรณ์แบบและตอบรับกับกระแสดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมการเงินทั้งในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายจุดให้บริการลูกค้าผ่านการเปิด Business Center ในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้มีความสะดวกครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น" นายรอยย์ กล่าวเพิ่มเติม
ไทยเครดิตแสดงถึงความแข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยผลกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ 1,192.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 61.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลกำไรสุทธิของธนาคารตลอดปี 2567 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,624.0 ล้านบาท ยืนยันความเชื่อมั่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ด้วยกำไรสุทธิที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,192.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้
กลุ่มอมตะ โชว์งบ Q1/68 กำไรพุ่ง 79% ยอดขายที่ดิน -ไฟฟ้าเติบโตรับย้ายฐานผลิต
—
กลุ่มอมตะ โชว์ฟอร์มผลการดำเนินงาน Q1/2568 เติบโตเด่นทุกมิติ รายได้รวมแตะ 3,3...
CH เผยทิศทาง Q2/68 ออกสินค้าใหม่ ตีตลาดในประเทศ ขยายฐานลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเดิมตปท. หนุนรายได้ตามเป้า
—
CH เผยทิศทางไตรมาส 2/2568 เดินหน้าเชิงรุก พัฒนาผ...
SYNEX เผยตลาดไอที-เกมมิ่งยังโตต่อเนื่อง รับกระแส AI และการเปิดตัว Nintendo Switch 2 กระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง
—
นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร...
"ถิรไทย" เดินเกมรับมือความท้าทาย Q1/2568 ด้วยแผนปรับพอร์ตลูกค้า บริหารต้นทุนต่อเนื่อง มั่นใจพื้นฐานแกร่ง-สภาพคล่องแข็งแรง
—
บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หร...
เศรษฐกิจใต้ไตรมาส 1 ทรงตัว หาดทิพย์ปรับกลยุทธ์ เน้นบริหารต้นทุนรักษาระดับอัตรากำไร
—
บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 256...
PROUD แย้ม Q2/68 โตต่อเนื่อง! เดินหน้าโอน NUE District R9 - VEHHA Hua Hin หนุนรายได้เพิ่ม พร้อมจ่อเทรด "PROUD-W3" มิถุนายนนี้
—
PROUD ส่งสัญญาณเชิงบวกไตรม...
CPANEL ส่งสัญญาณบวก คว้างานรัฐ-เอกชนเพิ่ม 104.28 ล้านบาท มั่นใจ Q2/68 พลิกมีกำไร
—
CPANEL ส่งสัญญาณ Q2/68 เร่งส่งมอบงาน โครงการภาครัฐ โครงการอสังหาฯ แนวรา...