สำนักงานกิจการนิทรรศการนานาชาติกว่างซี

เมื่อทั่วโลกยังคงมีความไม่แน่นอนขณะที่แนวโน้มกีดกันทางการค้ามีแต่จะเพิ่มขึ้นนั้น จีนและสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ยังคงเดินหน้ากระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความมุ่งมั่นนี้เห็นได้ชัดจากการประกาศบรรลุข้อสรุปการเจรจายกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน 3.0 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง
ข้อตกลงฉบับใหม่นี้ใช้เวลาเจรจานานกว่า 2 ปี และครอบคลุมประเด็นใหม่ ๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเชื่อมโยงซัพพลายเชน
งานมหกรรมจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo) ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานกิจการนิทรรศการนานาชาติกว่างซี ได้รับอานิสงส์จากการยกระดับครั้งสำคัญและกระแส AI ที่กำลังเติบโต โดยมีกำหนดเปิดฉากในวันที่ 17 กันยายน ณ เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน งานนี้คาดว่าจะเผยให้เห็นแรงขับเคลื่อนและโอกาสใหม่ ๆ ในความร่วมมือระหว่างกัน งานประจำปีนี้ดึงดูดผู้จัดแสดงได้กว่า 3,200 รายจาก 60 ประเทศทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อคว้าโอกาสในสองตลาดที่เปิดกว้างและมีพลวัตมากที่สุด
ไฮไลต์ของงานมหกรรมตลอด 5 วันนี้ อยู่ที่การจัดแสดงพาวิลเลียน AI ขนาด 10,000 ตารางเมตร พาวิลเลียนนำเสนอกำลังการผลิตคุณภาพใหม่ และพื้นที่จัดแสดงเศรษฐกิจสีน้ำเงิน นอกจากนี้ เทคโนโลยีสีเขียวและคาร์บอนต่ำ รวมถึงยานยนต์พลังงานใหม่ ก็เป็นอีกจุดเด่นสำคัญของงาน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาขาที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในแง่ความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีน-อาเซียน
การผลิตขั้นสูงและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พร้อมเข้ามาขับเคลื่อนการเติบโต
การลงทุนของจีนในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งในแง่ขนาดและขอบเขต โดยเฉพาะการลงทุนในภาคส่วน 5G ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเทคโนโลยี AI และมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนหลายรายร่วมโครงการดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง
กว่างซี ในฐานะประตูทางใต้ของจีนสู่อาเซียน ได้ผงาดขึ้นเป็นแนวหน้าในการผนวกรวมนี้ โดยความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์กับอาเซียนทำให้กว่างซีเป็นผู้บุกเบิกโครงการความร่วมมือข้ามพรมแดนหลายโครงการ
เมื่อประเทศสมาชิกอาเซียนต่างเปิดรับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล เทคโนโลยี AI ซึ่งพร้อมเข้ามาพลิกโฉมภูมิทัศน์การลงทุน จึงได้กลายเป็นแกนหลักสำหรับความร่วมมือในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นความต้องการที่ชัดเจนของอาเซียน ในการกระชับความร่วมมือกับจีนในด้านนี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความร่วมมือด้าน AI ระหว่างจีนกับอาเซียนกำลังเติบโตอย่างมีพลวัต โดยเมื่อเดือนเมษายน 2568 นั้น บริษัท กว่างซี เป่ยโถว ไอที อินโนเวชัน เทคโนโลยี อินเวสต์เมนต์ กรุ๊ป (Guangxi Beitou IT Innovation Technology Investment Group Co., Ltd.) ได้จับมือกับบริษัท มาย อีจี เซอร์วิสเซส (MY E.G. Services Berhad) ซึ่งเป็นบริษัทบริการดิจิทัลชั้นนำของมาเลเซีย เพื่อร่วมกันจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและความร่วมมือด้าน AI โดยมุ่งเน้นในด้านต่าง ๆ เช่น การประยุกต์ใช้บล็อกเชนและวิทยาการหุ่นยนต์
ขณะเดียวกัน ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์จีน-อาเซียน ที่นครหนานหนิง เมืองเอกของกว่างซี ได้เซ็นสัญญากับบริษัทในกลุ่มอาเซียนไปแล้ว 16 แห่ง ซึ่งจะช่วยผลักดันการยกระดับภาคอุตสาหกรรม
จีนขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียนมาเป็นเวลา 16 ปีติดต่อกัน ขณะที่อาเซียนก็เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนมา 5 ปีติดต่อกัน
ในยามที่การค้าโลกยังคงได้รับผลกระทบจากความผันผวน ความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียนก็ได้โดดเด่นในฐานะแบบอย่างของความมั่นคง การยกระดับกรอบการค้าและนำ AI มาใช้จะช่วยให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-อาเซียนมีพลวัตยิ่งขึ้น และนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมสำหรับทั้งสองฝ่าย
ที่มา: สำนักงานกิจการนิทรรศการนานาชาติกว่างซี