สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) ประกาศผลการคัดสรรผลิตภัณฑ์หัตถกรรมไทย โดยมีผลงานที่ผ่านการคัดเลือกทั้งสิ้น 120 ผลงาน ซึ่งโดดเด่นด้านฝีมือ, นวัตกรรม, และความยั่งยืน เพื่อเป็นต้นแบบยกระดับงานศิลปหัตถกรรมไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์กรมหาชน) หรือ SACIT กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยมีความโดดเด่น สะท้อนอัตลักษณ์ และภูมิปัญญาของช่างฝีมือในท้องถิ่นทั่วประเทศ สามารถพัฒนาไปสู่สินค้าที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อีกมหาศาล ซึ่งการที่จะยกระดับให้ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยในทุกด้าน สำหรับผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมที่ผ่านการรับรอง ภายใต้ SACIT Craft Collection 2025 ได้รวบรวมจัดทำเป็นรูปแบบ E-cataloge โดยสามารถดูผลิตภัณฑ์ในโครงการได้ที่ https://cms.sacit.or.th/cms/uploads/categories/854b68b3c6c3e69b52672108c5a99010/_72134c20cf50050f2b58b52ba2f5eb6f.pdf
ซึ่งที่ผ่านมา SACIT จึงได้จัดทำ SACIT Craft Collection 2025 เพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่เป็นแบบอย่างของศิลปหัตถกรรมชั้นสูง โดยจัดตั้งคณะกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาจากหลากหลายสาขา ทั้งศิลปินแห่งชาติ ผู้บริหารจากแบรนด์ชั้นนำ นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด รวมทั้งหมด 10 ท่าน ซึ่งได้เข้ามาคัดสรรผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยจากครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตกรรม สมาชิก สศท. และ New Yong Craft ทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 3 ครั้ง
จากการพิจารณาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมที่ผ่านการคัดสรรจากทั้ง 3 ครั้ง คณะกรรมการทั้ง 10 ท่าน ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยที่ได้รับการรับรองภายใต้ SACIT Craft Collection 2025 รวมทั้งสิ้น 120 ผลงาน โดยแบ่งเป็นงานศิลปหัตถกรรมประเภท Master Craft จำนวน 23 ผลงาน ศิลปหัตถกรรมประเภท Trendy Craft จำนวน 71 ผลงาน และศิลปหัตถกรรมประเภท Conscious Craft จำนวน 26 ผลงาน
โดยภายใต้ SACIT Craft Collection 2025 ได้แบ่งประเภทการรับรองผลิตภัณฑ์ศิลปหัตกรรมออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. Master Craft หรือหัตถศิลป์ระดับประเทศ (The Legacy of Master Craftsmanship) เน้นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านความเป็นเลิศเชิงช่าง (Craftsmanship) และความดั้งเดิม (Authenticity) 2. Trendy Craft หรือนวัตศิลป์เพื่อตอบสนองความต้องการของปัจจุบันและอนาคต (Bridging Tradition and Tomorrow) เน้นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม (Innovation) และความสามารถทางการตลาด (Marketability) 3. Conscious Craft หรือ หัตถกรรมรักษ์โลก (Where Sustainability Meets Creativity) เน้นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้านการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainability) และนวัตกรรม (Innovation)
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมที่ผ่านการคัดสรร ได้ผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณาในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านความเป็นเลิศเชิงช่าง มีทักษะฝีมือช่างระดับสูง, ด้านความสามารถทางการตลาด ศักยภาพในการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ, ด้านความดั้งเดิม การอนุรักษ์สืบสานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น, ด้านนวัตกรรม แนวทางการสร้างสรรค์อย่างร่วมสมัย เพื่อสืบสานให้องค์ความรู้ดั้งเดิมยังดำรงอยู่ได้อย่างร่วมสมัย รวมถึงการมีแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ใส่ใจต่อสังคม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดสรรจากทั้ง 3 กลุ่ม จะได้รับสิทธิประโยชน์ในหลายด้าน เช่น ได้รับตราสัญลักษณ์ และประกาศนียบัตรรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ SACIT Craft Collection 2025 รวมถึงคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และจัดแสดงผลงานในนิทรรศการพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้รับโอกาสต่อยอดทางธุรกิจ การสนับสนุนด้านการตลาด การจัดแสดงผลงานในระดับนานาชาติ การส่งเสริมขยายตลาดผ่านช่องทางการขายทั้งร้านค้า และระบบออนไลน์ และการจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อขยายช่องทางตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ในเครือข่ายสื่อพันธมิตร เป็นต้น
"SACIT Craft Collection 2025 จะเป็นสปริงบอร์ดส่งให้ผู้ผลิตศิลปหัตถกรรมไทยในการก้าวไปสู่ตลาดสากล และได้รับการยอมรับในวงกว้าง รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของโลกยุคใหม่ สอดรับกับเทรนด์ความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"