การวางแผนรับมือกับความเสี่ยงด้านสุขภาพเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่ก็มักจะเกิดความสับสนระหว่าง "ประกันสุขภาพ" และ "ประกันโรคร้ายแรง" ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกทำประกันแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด บางคนถึงกับต้องค้นหาข้อมูลประกันโรคร้ายแรง เปรียบเทียบกับประกันสุขภาพเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจทั้งหมด เพื่อให้คุณเข้าใจความคุ้มครองแต่ละประเภทและเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ
ประกันสุขภาพคืออะไร
ประกันสุขภาพ คือ ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบกว้าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ไข้หวัดใหญ่ อาหารเป็นพิษ หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลตามวงเงินที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องพักผู้ป่วย ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าผ่าตัด หรือค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปรียบเสมือนเป็นตาข่ายความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อเราต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ประกันโรคร้ายแรงคืออะไร
ประกันโรคร้ายแรง คือ ประกันที่ออกแบบมาเพื่อมอบความคุ้มครองทางการเงินโดยเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงตามที่ระบุไว้ในสัญญา เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน จุดเด่นของประกันประเภทนี้คือ การจ่ายผลประโยชน์เป็นเงินก้อนให้กับผู้เอาประกันทันทีที่ตรวจพบโรคร้ายในระยะที่คุ้มครอง ซึ่งเงินก้อนนี้ผู้เอาประกันสามารถนำไปใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลที่อยู่นอกเหนือสวัสดิการ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวระหว่างพักฟื้น หรือแม้กระทั่งเป็นเงินชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป
ประกันสุขภาพ VS ประกันโรคร้ายแรง ต่างกันยังไง
แม้ประกันทั้งสองประเภทจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญใน 3 ด้านหลัก ๆ ดังนี้
- รูปแบบความคุ้มครอง ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครองที่หลากหลายและครอบคลุมการเจ็บป่วยทั่วไปและอุบัติเหตุ ในขณะที่ประกันโรคร้ายแรงจะมุ่งเน้นคุ้มครองเฉพาะโรคที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เท่านั้น
- วิธีการเคลม ประกันสุขภาพจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงให้กับโรงพยาบาลโดยตรง หรือให้เราสำรองจ่ายไปก่อนแล้วนำใบเสร็จมาเบิกคืน แต่ประกันโรคร้ายแรงจะจ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ให้เราโดยตรงเมื่อตรวจพบโรค ทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเงินสูงกว่า
- ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) โดยทั่วไปประกันสุขภาพจะมีระยะเวลารอคอยสำหรับการเจ็บป่วยทั่วไปประมาณ 30 วัน ส่วนประกันโรคร้ายแรงจะมีระยะเวลารอคอยนานกว่า โดยอาจอยู่ที่ 60-120 วัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว จำเป็นต้องทำประกันโรคร้ายแรงเพิ่มไหม
นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย คำตอบคือ "จำเป็นอย่างยิ่ง" เพราะประกันสุขภาพจะช่วยดูแล "ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล" ได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเราป่วยเป็นโรคร้ายแรง ค่าใช้จ่ายไม่ได้หยุดอยู่แค่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาอีกมากมาย เช่น
- การขาดรายได้ เพราะอาจต้องหยุดงานเป็นเวลานานเพื่อรักษาตัว
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเอง เช่น ค่าเดินทางไปพบแพทย์ ค่าอาหารเสริม หรือค่าจ้างคนดูแล
- ค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัย เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะร่างกาย
เงินก้อนที่ได้รับจากประกันโรคร้ายแรงจะเข้ามาช่วยอุดช่องว่างทางการเงินเหล่านี้ ทำให้เราสามารถรักษาตัวได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่าภาระค่าใช้จ่ายจะกระทบกับเงินออมหรือความเป็นอยู่ของครอบครัว
ซื้อประกันสุขภาพคู่ประกันโรคร้ายแรงคุ้มกว่า!
การมีประกันสุขภาพเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโรคร้ายแรง ในทางกลับกัน การมีแค่ประกันโรคร้ายแรงก็อาจไม่ครอบคลุมการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นได้บ่อยกว่า ดังนั้น การทำประกันทั้งสองประเภทควบคู่กันจึงเป็นทางเลือกที่มอบความคุ้มครองที่สมบูรณ์และคุ้มค่าที่สุด
- ประกันสุขภาพ จะทำหน้าที่เป็นเหมือน "กองหน้า" คอยดูแลค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยทั่วไปและอุบัติเหตุ
- ประกันโรคร้ายแรง จะทำหน้าที่เป็น "กองหลัง" ที่แข็งแกร่ง มอบเงินก้อนใหญ่ให้เราใช้ตั้งหลักและต่อสู้กับวิกฤตสุขภาพครั้งใหญ่ได้อย่างเต็มที่
การมีทั้งสองอย่างจะช่วยสร้างความปลอดภัยทางการเงินที่ครอบคลุมทุกมิติ ทำให้คุณอุ่นใจและพร้อมรับมือกับทุกความไม่แน่นอนของสุขภาพ
สรุปบทความ
ประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยประกันสุขภาพเน้นครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตามจริงจากการเจ็บป่วยทั่วไป ส่วนประกันโรคร้ายแรงจะจ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคที่กำหนด ทั้งสองประเภทมีความสำคัญและทำหน้าที่แตกต่างกัน การมีประกันทั้งสองแบบควบคู่กันจึงเป็นการวางแผนที่ครอบคลุมที่สุด
FWD ประกันชีวิต เสริมบริการ FWD Telemedicine เพิ่มทางเลือกบริการพบแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน MorDee (หมอดี)
สงกรานต์นี้ "สร้างสุขภาพดี" ทั้งครอบครัว
10 อาหารซูเปอร์ฟู้ด จากแบรนด์เฮอริเทจ
ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ! ให้ AIA+ ดูแลทุกเรื่องกรมธรรม์ "แอปเดียวจบ ครบทุกบริการ"
ไฟเซอร์ ขึ้นอันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยาและเทคโนโลยีชีวภาพ จากการจัดอันดับ "สุดยอดนายจ้างระดับโลก 2024" ของ Forbes
เหตุผลที่คุณต้องมาที่ คลินิกพรีเมียม Ramathibodi Health Space@Paradise Park (รามาธิบดี เฮลธ์ สเปซ@พาราไดซ์ พาร์ค)
สลัดไฮโซ" บุกตลาดเมืองกรุง จากเงินร้อย สู่เงินล้าน ส่งต่อธุรกิจอย่างยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น
ม.มหิดลสร้าง 'ความยั่งยืนทางสุขภาวะ' ด้วยเทคนิคการแพทย์ชุมชนเชิงรุก