นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม - กันยายน 2568) มีการยื่นคำขอจดทะเบียนสูงถึง 55,699 คำขอ เพิ่มขึ้น 7.46% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (51,833 คำขอ) และมีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ 10,500 รายการ ลดลง 5.45% จากปี 2567 (11,105 รายการ) โดยรายละเอียดการยื่นคำขอจดทะเบียนและแจ้งข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา (66,199 คำขอ) ดังนี้
1) เครื่องหมายการค้า มีการยื่นคำขอ 41,255 คำขอ เพิ่มขึ้น 7.28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (38,455 คำขอ) โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอคนไทย 52% และต่างชาติ 48% สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองเครื่องหมายการค้ามากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มบริการค้าปลีก (5,287 คำขอ) กลุ่มสินค้าเครื่องสำอาง (5,236 คำขอ) และกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพอนามัย (4,667 คำขอ) ทั้งนี้ สินค้าเพื่อสุขภาพอนามัยเป็นกลุ่มที่มาแรงและได้รับการจดทะเบียนมากที่สุด 3,692 เครื่องหมาย เพิ่มขึ้น 57% จากปี 2567 (2,339 เครื่องหมาย) โดยเป็นคำขอที่ได้รับจดผ่านช่องทาง Fast Track จำนวน 1,525 เครื่องหมาย สะท้อนเทรนด์การค้าที่มุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพอนามัยมากขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 30,392 เครื่องหมาย
2) สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีการยื่นคำขอ 6,161 คำขอ ซึ่งตัวเลขใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (6,071 คำขอ) โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอคนไทย 10% และต่างชาติ 90% อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เป็นต้น สำหรับนวัตกรรมที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ วัสดุเหล็กกล้า (172 คำขอ) ซึ่งครองอันดับ 1 สองปีติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงอุตสาหกรรมวัสดุและการก่อสร้างที่มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือนวัตกรรมแอนติบอดี้และยาชีววัตถุ (88 คำขอ) สะท้อนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านเทคโนโลยีชีวภาพและการวิจัยยา ตามด้วยนวัตกรรมแบตเตอรีและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง (65 คำขอ) ซึ่งสะท้อนภาพรวมของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 4,108 ฉบับ
3) สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีการยื่นคำขอ 4,843 คำขอ เพิ่มขึ้น 15.34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (4,199 คำขอ) โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอคนไทย 67% ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการศึกษา และต่างชาติ 33% สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทลวดลายผ้า (759 คำขอ) เครื่องประดับ (283 คำขอ) และบรรจุภัณฑ์ (263 คำขอ) ทั้งนี้ งานออกแบบถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่คนไทยมีศักยภาพโด่งดังระดับโลก จึงไม่ควรมองข้ามการนำผลงานมาจดทะเบียนรับความคุ้มครอง เพื่อให้มีกฎหมายเป็นหลักพิงหากเจอปัญหาถูกละเมิดหรือลอกเลียนแบบ ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 4,029 ฉบับ
4) อนุสิทธิบัตร มีการยื่นคำขอ 3,440 คำขอ เพิ่มขึ้น 10.68% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 (3,108 คำขอ) โดยมีสัดส่วนผู้ยื่นคำขอเป็นคนไทย 95% และต่างชาติ 5% สำหรับนวัตกรรมที่มีการยื่นขอรับความคุ้มครองอนุสิทธิบัตรมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม (467 คำขอ) ยาสมุนไพร (203 คำขอ) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย (57 คำขอ) โดยนวัตกรรมยาสมุนไพรเป็นสาขาที่มาแรง สะท้อนการเติบโตของเทรนด์สุขภาพและการแพทย์ ทั้งนี้ ตัวเลขการจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 1,490 ฉบับ
5) ลิขสิทธิ์ มีการยื่นแจ้งข้อมูล 10,500 ผลงาน ผู้แจ้งเกือบทั้งหมดเป็นคนไทย ผลงานที่มีการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ศิลปกรรม (จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ฯลฯ) 3,862 ผลงาน วรรณกรรม (งานนิพนธ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์) 3,017 ผลงาน และดนตรีกรรม 2,345 ผลงาน ทั้งนี้ ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์ โดยไม่ต้องยื่นจดทะเบียนกับกรม สถิติดังกล่าวจึงไม่สามารถสะท้อนภาพรวมของงานสร้างสรรค์ไทยได้ทั้งหมด อย่างไรก็ดี กรมจะเดินหน้าส่งเสริมให้ศิลปินนักสร้างสรรค์เห็นความสำคัญของการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์กับกรม เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงเบื้องต้นในการแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในกรณีที่เกิดข้อพิพาท รวมทั้งเป็นช่องทางให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงผลงานและติดต่อขอใช้ประโยชน์งานลิขสิทธิ์นั้นได้ง่ายขึ้น
นางอรมน เสริมว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญามุ่งมั่นที่จะพัฒนางานบริการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสืบค้นข้อมูลเครื่องหมายการค้าและสิ่งประดิษฐ์ ตลอดจนจัดให้มีช่องทางเร่งรัด (Fast Track) ที่สามารถจดทะเบียนได้รวดเร็วขึ้น สำหรับสาขาที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตและที่ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วน ได้แก่ 1) สิทธิบัตรการประดิษฐ์/อนุสิทธิบัตร ใน 3 นวัตกรรม คือ นวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต และนวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสิทธิบัตรการประดิษฐ์ ลดระยะเวลาจดทะเบียน จาก 38.5 เดือน เหลือ 12 เดือน และอนุสิทธิบัตรจาก 12 เดือน เหลือ 6 เดือน 2) สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในสาขานวัตกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดระยะเวลาจดทะเบียนจาก 10 เดือน เหลือ 3 เดือน และ 3) เครื่องหมายการค้า ในกรณีที่ต้องนำหลักฐานการจดทะเบียนไปแสดงต่อหน่วยราชการอื่น โดยลดระยะเวลาจดทะเบียนจาก 10.5 เดือน เหลือ 3 เดือน
กรมทรัพย์สินทางปัญญาดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ เน้นย้ำ มาตรการขยายเวลาดำเนินการด้านทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่ม 30 วัน ต้องรวดเร็ว ทั่วถึง และไม่มีข้อติดขัดเรื่องเอกสาร
กรมทรัพย์สินทางปัญญา มัดรวมเมนูเด็ดจาก 4 วัตถุดิบ GIซึ่งเป็นไฮไลท์ในงาน "แจ๋ว แซ่บ เฟ่อร์"ตอกย้ำคุณภาพ GI ไทย อร่อยถูกใจจนใครๆ ก็อยากซื้อซ้ำ
กรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดคลาสสนุกคิด ปลูกจิตสำนึกให้ "นักสร้างสรรค์เจนฯ อัลฟ่า" เห็นคุณค่าของ "ทรัพย์สินทางปัญญา" ผ่านเกมและกิจกรรม
กรมทรัพย์สินทางปัญญา จับมือ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ฯ เสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME ในเครือข่าย ติวเข้มการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงลึกแบบตัวต่อตัว
กรมทรัพย์สินทางปัญญา จับมือ Shopee ดันร้านค้า GI ขึ้นแพลตฟอร์มเพิ่มยอดขาย พร้อมขยายความร่วมมือสกัดกั้นสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบ
กรมทรัพย์สินทางปัญญาผนึกกำลัง ปตท.ร่วมสร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยทรัพย์สินทางปัญญาแนะ 4 สเต็ปเสริมแกร่งภาคธุรกิจ ปักธงนวัตกรรมไทยในเวทีโลก
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ผนึกกำลัง Google ประเทศไทยหนุนครีเอเตอร์ไทย ใช้ "AI" สร้างสรรค์ผลงานอย่างเข้าใจ "ลิขสิทธิ์"พร้อมเสริมเทคโนโลยีช่วยยกระดับบริการประชาชน
เจาะบทวิเคราะห์เทรนด์ "สิทธิบัตรสิ่งทอ" ในรอบ 2 ทศวรรษหนุนไทยพลิกบทบาทจากผู้ผลิตสู่เจ้าของนวัตกรรมเพื่อขยับขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทอของอาเซียน
"อรมน" เผยสถิติยื่นจดทรัพย์สินทางปัญญา 10 เดือนแรกปี 68 ยอดรวม (สิทธิบัตรการประดิษฐ์ ออกแบบ อนุสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า) กว่า 63,000 คำขอ