การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หารือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพารา วางแนวทางรับมือการปรับขึ้นอัตราจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ 1 ส.ค. 68 เตรียมเคาะสรุปแนวทางระยะสั้น-ระยะกลาง-ระยะยาว อีกครั้ง ย้ำทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมหารือผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ที่มีต่อผู้ประกอบกิจการยางของไทยว่า จากการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) การนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ โดยเบื้องต้นประเทศไทยถูกกำหนดอัตราภาษีนำเข้าไว้ที่ 36% (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2568) ซึ่งถือว่าสูงมากหากเทียบกับอีกหลายประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 กยท. จึงเชิญผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพาราเข้าหารือ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวของสหรัฐฯ
โดยจากการหารือในวันนี้ ผู้ประกอบการมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่ายังไม่อยากให้ตื่นตระหนก เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและอาจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งยังต้องรอติดตามความชัดเจนในอัตราภาษีอีกครั้งว่าจะมีการปรับลดลงอีกหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามการเริ่มพูดคุยหารือกันในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการฟังเสียงจากผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งจะช่วยให้ กยท. วางแผนเตรียมมาตรการรับมือได้อย่างครอบคลุม ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มวัตถุดิบยาง ได้แก่ ยางแท่ง ยางแผ่น และน้ำยางข้น ซึ่งไม่ได้ถูกปรับเพิ่มอัตราภาษี แต่ยังต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต และกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าแปรรูปจากยางพารา ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยหลังจากรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการในวันนี้แล้ว กยท. จะสรุปแนวทางเบื้องต้นและนัดหารือกับผู้ประกอบการเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติที่ชัดเจนที่ชัดเจนอีกครั้ง ก่อนเสนอรัฐบาลผลักดันสู่นโยบายที่เป็นรูปธรรมต่อไป
"กยท. รับรู้ปัญหาและความกังวลของของพี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการทุกคนในช่วงเวลานี้และทราบดีว่าการปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมยางพาราไทย แต่ไม่อยากให้ทุกท่านวิตกกังวลเกินไป ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมั่นใจว่า กยท. จะเดินหน้าวางแนวทางร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถปรับตัวและรับมือได้อย่างเหมาะสมต่อไป" ดร.เพิก กล่าวย้ำ
กยท. เผยแนวโน้มการส่งออกยางพาราส่งสัญญาณดี หลังมาเลเซียพร้อมเปิดด่านชายแดนให้ส่งออกสินค้าได้เต็มรูปแบบ
กยท.จ.ตรัง เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด เตรียมมาตรการฟื้นฟูสวนยางทันทีที่น้ำลด
RAOT จับมือวงศ์บัณฑิต ลงนาม MOU เดินหน้าบริหารจัดการผลผลิตยาง สร้างสมดุลตลาด หนุนสร้างเสถียรภาพราคายางอย่างยั่งยืน
TEGH จับมือ "กยท." ลงนาม MOU บริหารจัดการผลผลิตยางพารา พร้อมดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางในภูมิภาค
กยท. MOU ร่วม บ.ไทยอีสเทิร์น สร้างสมดุลระบบยาง หนุนตลาดรองรับผลผลิตที่เป็นธรรม
กยท. เยือนท่าเรือชิงเต่า ศึกษาระบบบริหารจัดการฯ มุ่งสนับสนุนสถาบันเกษตรกรฯ ผ่านการปั้น "แบรนด์ RAOT" สู่ตลาดโลก
พร้อมแล้ว! ทุนปลูกแทนปีงบฯ 69 กยท. เปิดรับคำขอฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 31 มี.ค. 69 สนับสนุนเกษตรกรเพื่อการปลูกแทนสู่ความยั่งยืน