มูลนิธิศุภนิมิตฯ กางแผนเชิงรุก เด็กไทย (ไม่) ไร้ตัวตน เดินหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

มีข้อมูลจาก องค์การสหประชาชาติ (UN) ชี้ให้เห็นว่า ประชากรโลกมีกว่า 8,000 ล้านคน ในปัจจุบัน แต่ยังมีอีกนับล้านที่ "ไม่มีสถานะทางกฎหมาย" โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน และเช่นเดียวกัน สถานการณ์ในประเทศไทย ก็มีข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย ณ ปี 2567 ที่ระบุว่า จำนวนมากกว่า 587,000 คน ที่ประสบปัญหาไร้สัญชาติ และที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร โดยในจำนวนนี้เป็น เด็กและเยาวชนกลุ่มเปราะบาง กว่า 300,000 คน ที่ไม่สามารถพิสูจน์สัญชาติได้ ซึ่งตัวเลขนี้สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจากบังกลาเทศและไอวอรี่โคสต์)

มูลนิธิศุภนิมิตฯ กางแผนเชิงรุก เด็กไทย (ไม่) ไร้ตัวตน เดินหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐาน

นางรสลิน โกแวร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลถึงจุดยืนและการดำเนินงานตามแผนนโยบายของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ว่า "ในฐานะที่เราเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ครอบครัว และชุมชนที่ยากไร้ เราตระหนักถึงปัญหา พร้อมเร่งดำเนินงานอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเด็กเปราะบาง กลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันตก เช่น เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก และกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรกลุ่มเปราะบางจำนวนมาก ด้วยปณิธานและพันธกิจของมูลนิธิศุภนิมิตฯ กับบทบาทในการปกป้องคุ้มครองเด็ก ด้านสุขภาพและสิทธิ ในกลุ่มประชากรข้ามชาติและชาติพันธุ์ ให้ได้มีโอกาสและสิทธิเท่าเทียมเช่นเดียวกับเด็กไทยคนอื่น ๆ เราจึงเดินหน้าพร้อมมีเป้าหมายที่ปรารถนาให้เด็กทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ได้รับการศึกษา ไม่ว่าเชื้อชาติไหน สัญชาติใด ตามหลักปฏิบัติสากลที่เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก กลุ่มนักเรียนรหัส G (Guest หรือ Group without nationality) น้อง ๆ สามารถเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ตามกฎหมาย แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานหรือบริการอื่น ๆ ของรัฐได้ เช่น สิทธิการรักษาพยาบาล การเข้าถึงกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นต้น มูลนิธิศุภนิมิตฯ กางแผนเชิงรุก เด็กไทย (ไม่) ไร้ตัวตน เดินหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐาน

ซึ่งในปี 2567 เราขยายการทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ภายใต้ โครงการนำร่องเด็กไร้สัญชาติให้เข้าถึงสถานะทางกฎหมายและระบบบริการของรัฐ เราจึงริเริ่มพัฒนาภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน จิตอาสาและภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของกลุ่มนักเรียนรหัส G ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุม เพื่อสร้างความเข้าใจและพัฒนาแผนการทำงานกับภาคีเครือข่าย การอบรมพัฒนาศักยภาพ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ แนวทางแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลตามกฎหมาย การฝึกปฏิบัติกรอกแบบสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือ(แบบ 89) และ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์อื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึง การจัดหน่วยบริการเชิงรุกในสถานศึกษา โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อจัดกระบวนการสืบข้อเท็จจริงและหารือแนวทางแก้ไขสถานะบุคคลของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสนับสนุนการยื่นคำขอสถานะทางทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างถูกต้อง พร้อมถอดบทเรียน สะท้อนการทำงาน และพัฒนาการทำงานร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้น

ผลจากการดำเนินโครงการนำร่องฯ ดังกล่าว สามารถสนับสนุนการคัดกรองเด็ก จำนวน 127 คน ซึ่งส่งผลให้เด็ก 3 คนได้รับสถานะทางกฎหมาย รวมถึงเด็ก 4 คนและผู้ใหญ่ 1 คนได้รับสัญชาติไทย ความสำเร็จที่ได้รับมานี้ สะท้อนให้เห็นความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดีของมูลนิธิศุภนิมิตฯ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ที่ให้ความสำคัญกับเด็กกลุ่มเปราะบางกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม เราไม่เพียงแต่มุ่งให้เด็กได้รับสิทธิที่พึงจะได้รับตามกฎหมาย แต่รวมถึงโอกาสการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะได้รับ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาการตามช่วงวัยเพื่อการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ของเด็กในทุกด้าน ซึ่งเปรียบเสมือนรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของเด็กทุกคน ทั้งนี้ เรายังคงมุ่งมั่นต่อยอดความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อคุณภาพชีวิตของเด็กกลุ่มเปราะบาง ในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปอีกด้วย"

และในขณะเดียวกัน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ก็ยังคงเดินหน้าขยายผลอย่างต่อเนื่องในปี 2568 กับ โครงการพัฒนาสถานะบุคคลและสิทธิสำหรับเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ เพื่อสนับสนุนเด็กเปราะบางในอีก 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (พื้นที่ อ.ฝาง อ.เวียงแหง อ.แม่อาย) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (พื้นที่ อ.ปาย อ.ปางมะผ้า อ.เมือง อ.ขุนยวม) จังหวัดสระแก้ว (พื้นที่ อ.อรัญประเทศ อ.ตาพระยา อ.โคกสูง) ซึ่งนางสาวหลินฟ้า อุปัชฌาย์ ผู้จัดการด้านผู้หญิงและเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายถิ่นฐาน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ขยายความถึงเป้าหมายและเหตุผลที่เลือกดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวว่า "เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีกลุ่มเครือข่าย หรือมีการดำเนินงานเกี่ยวกับปัญหาคนไร้สัญชาติน้อย ทีมงานของเราจะเข้าไปโดยมีเป้าหมายในการให้ความช่วยเด็กที่มีสถานะรหัส G ให้ได้รับหมายเลขประจำตัว 13 หลัก

โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้เข้าถึงผ่านโครงการนี้ ประมาณ 5,000 คน ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ 3,000 คน แม่ฮ่องสอน 1,000 คน และสระแก้ว 1,000 คน ผ่าน 3 กิจกรรมหลัก คือ สรรหาอาสาสมัคร เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ส่งเสริมความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการแจ้งเกิดและการพัฒนาสถานะทางกฎหมายให้กับสมาชิกในชุมชน แสวงหาและพัฒนาความร่วมมือ ในรูปแบบของหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม การอาศัยทีมลงทะเบียนเคลื่อนที่แบบ บูรณาการ เพื่อลดภาระงานของเจ้าหน้าที่อำเภอ รวมถึงบรรเทาอุปสรรคด้านการเดินทาง เพื่อเร่งกระบวนการ ให้ได้รับการแก้ไขปัญหาของเด็กที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางอย่างเร่งด่วนที่สุด ซึ่งโครงการดังกล่าว เราได้เริ่มดำเนินการไปแล้วกว่า 40%" นางสาวหลินฟ้า กล่าว

แม้เศรษฐกิจ หรือเทคโนโลยีจะก้าวล้ำไปไกลเพียงใด แต่ยังมี "เด็กไทยกลุ่มเปราะบางอีกจำนวนไม่น้อย" ที่ยังต้องการโอกาส เพียงเพราะพวกเขาถูกจำกัดด้วยคำว่า "ไม่มี" ใน "สิทธิ์" ที่เด็กไทยทุกคนพึงมีอย่างเท่าเทียมกัน มูลนิธิศุภนิมิตฯ ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคม จึงมุ่งมั่นต่อยอดความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับทุกภาคส่วน เพื่อเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและครอบครัวที่เปราะบาง เพราะเด็กทุกคนควรมีสิทธิในสัญชาติ ได้รับการคุ้มครอง และเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง และสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มที่


ข่าวองค์การสหประชาชาติ+มูลนิธิศุภนิมิตฯวันนี้

สศก. ติดตามความก้าวหน้าโครงการจัดการความเสื่อมโทรมของที่ดิน ด้วยแนวคิด LDN มุ่งสู่การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามผลการดำเนินงานกิจกรรมการจัดการความเสื่อมโทรมของที่ดิน ด้วยแนวคิดความสมดุลการจัดการทรัพยากรที่ดิน (Land Degradation Neutrality: LDN) ซึ่งดำเนินการโดยกรมพัฒนาที่ดิน โดยแนวคิด LDN มุ่งเน้นการฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมควบคู่กับการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืนตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 15.3

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ผงาดขึ้นแท่นอันดับ ... ม.วลัยลักษณ์ ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก SDG5 ความเท่าเทียมทางเพศ THE Impact Rankings 2025 — มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ผงาดขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก SDG5 การส่งเสริ...

มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.)... ม.หัวเฉียวฯ ติดอันดับโลก THE Impact Ranking 2025 — มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 มหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศ...

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเต็มไปด... 15 พฤษภาคม วันครอบครัวสากล : 4 วิธี สร้างสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว — ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความท้าทาย "ครอบครัว" ยังคงเป็นพื้นที่ปลอดภ...

พร้อมประกาศเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกขอ... เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้านโยบายการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ — พร้อมประกาศเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของไทยที่เข้าร่วมลงนาม UN-supported Principles for...