กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) แถลงผลสำเร็จ พร้อมมอบวุฒิบัตรและโล่รางวัล กิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ภายใต้โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่มีบทบาทต่อเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการผลิตการจ้างงานและการส่งออก โดยมูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2568(ไม่รวมทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป) คิดเป็นมูลค่า 7,408.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 62.74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.40 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 3กลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ เครื่องประดับทองคำ เครื่องประดับเงิน เพชรเจียระไน พลอยสี และเครื่องประดับแฟชั่น โดยมีจุดแข็งในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ เชื่อมโยงอัตลักษณ์ เพื่อสร้างเครื่องประดับไทยให้โดดเด่นในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม การพัฒนาศักยภาพ "บุคลากร" ให้มีองค์ความรู้ ความสามารถ และเข้าใจทิศทางของตลาดโลก ยังนับเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องประดับ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) จึงมุ่งมั่นในการพัฒนา และเสริมสร้างความพร้อมของบุคลากรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ให้เกิดทักษะเฉพาะทาง สร้างสรรค์งานออกแบบ สร้างแบรนด์ และตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการขับเคลื่อนนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ที่นี่มีแต่ให้" ภายใต้การนำของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นส่งเสริมSoft Power หรือ พลังแห่งความสร้างสรรค์ของประเทศไทย เพื่อยกระดับธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล โดยกิจกรรมในครั้งนี้เน้นการพัฒนาทักษะองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับครอบคลุมหลายมิติ อาทิ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยกลไกของ Soft Power กลยุทธ์การส่งออกเครื่องประดับ การดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน การสร้างแบรนด์เครื่องประดับไทยด้วยแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อาทิ Responsible Jewellery Council (RJC) ที่กำลังกลายเป็นมาตรฐานสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมค่ายบ่มเพาะให้ผู้ประกอบการได้พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย กิจกรรมเวิร์กช็อปกลยุทธ์การใช้ Business Model Canvas (BMC) ในการออกแบบธุรกิจให้แตกต่าง ตลอดจนการสร้างคอนเทนต์และการตลาดดิจิทัล เพื่อให้สามารถขายเครื่องประดับไทยในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุรพล ปลื้มใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถเพิ่มเติมทักษะในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และการตลาดยุคใหม่ พร้อมทั้งสามารถนำอัตลักษณ์ความเป็นไทยมาต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
กิจกรรมนี้ไม่เพียงเสริมความพร้อมให้กับบุคลากร แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นหนึ่งในผู้นำด้านอัญมณีและเครื่องประดับในตลาดโลก นายสุรพล ปลื้มใจ กล่าวทิ้งท้าย