ด้าน "สุรศักดิ์" ชง "คืนค่าเทอม-เลื่อนสอบ" เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อนักเรียน นักศึกษาและประชาชนในพื้นที่
ศาสตราจารย์กิตติคุณ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สภานโยบาย) ครั้งที่ 3/2568 โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะรองประธาน พร้อมด้วย ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และ ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ในฐานะเลขานุการสภานโยบาย รวมถึงผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมสภานโยบายฯ ได้มีมติในนโยบายที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ของประเทศ
การประชุมครั้งนี้ได้มีมติและข้อเสนอเชิงนโยบายสำคัญหลายประการ ครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการอุทกภัย การพัฒนากำลังคน การยกระดับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ไปจนถึงมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม
โดยช่วงต้นของการประชุม ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานสภานโยบาย ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. รายงานผลการดำเนินงานการบริหารจัดการปัญหามหาอุทกภัยในภาคใต้ ซึ่งนายสุรศักดิ์ รมว.อว. ได้รายงานต่อที่ประชุมว่าสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้และอีกหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเรียนการเรียนสอนของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ รวมถึงการสอบ TGAT/TPAT ระหว่างวันที่ 13 - 15 ธันวาคมนี้เนื่องจากสนามสอบในหลายจังหวัดได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดย อว. ได้มีการหารือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เพื่อพิจารณาให้มีการเลื่อนสอบในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ การเยียวยานักศึกษาผู้ประสบอุทกภัยโดยการคืนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนซึ่งจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเพดาน ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือแรงงานในพื้นที่ด้วยการหาตำแหน่งงานและ Upskill Reskill
ศาสตราจารย์กิตติคุณ บวรศักดิ์ กล่าวสนับสนุน โดยเน้นย้ำว่าประเทศไทยยังขาดระบบบริหารจัดการอุทกภัยที่เป็นเอกภาพ และชี้ตัวอย่างเหตุการณ์น้ำท่วมที่หาดใหญ่ซึ่งสะท้อนความไม่พร้อม พร้อมสั่งการให้กระทรวง อว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นแกนหลักในการทำงานแบบเร่งด่วน โดยเน้นการถอดบทเรียนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น โดยอาจเชิญผู้เชี่ยวชาญจากประเทศดังกล่าวมาให้ความเห็น พร้อมจัดทำคู่มือเตรียมพร้อมสำหรับภาครัฐและประชาชน รวมถึงการบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงข้อมูลภัยพิบัติผ่าน Data Exchange โดยเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาสาภาคประชาชนตามที่มีการเสนอในที่ประชุมด้วย
"การถอดบทเรียนเพื่อทำข้อเสนอในครั้งนี้ควรแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน นอกจากนี้สิ่งที่น่าห่วงคือ หากกรุงเทพมหานครเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ความเสียหายจะสูงระดับ "ล้านล้านบาท" ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมการล่วงหน้าอย่างจริงจัง" รองนายกรัฐมนตรีย้ำ
ด้าน ดร.สุรชัย ได้นำเสนอหลักการจัดทำกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์ อววน. ฉบับใหม่ (พ.ศ. 2571-2575) เพื่อใช้ต่อจากแผนเดิมที่จะสิ้นสุดลงในปี 2570 โดยมีหลักการสำคัญคือ การนำแนวคิด Mission-Oriented Innovation Policy (MOIP) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อแก้โจทย์ของประเทศที่ซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) สังคมสูงวัย ความเหลื่อมล้ำ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พร้อมระบุ Theme และ Mission ที่วัดผลได้จริง นอกจากนี้ยังเร่งออกแบบระบบขับเคลื่อนใหม่ตั้งแต่ระดับนโยบาย แผน อววน. ไปจนถึงแผนปฏิบัติการของหน่วยงาน
ดร.สุรชัย ได้นำเสนอแนวทางการนำ อววน. ไปขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ โดย สอวช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำกรอบพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง พ.ศ. 2569-2575 และกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) พ.ศ. 2569-2578เพื่อขับเคลื่อนทั้งสองอุตสาหกรรมให้เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของประเทศ โดยมีเป้าหมายผลักดันไทยผู้ประกอบการไทยให้มีความสามารถทัดเทียมนานาประเทศพร้อมวางแผนระยะยาวให้ไทยสามารถสร้างเทคโนโลยีได้เองและเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีได้ในอนาคต
ดร.สุรชัย ยังได้นำเสนอข้อเสนอ "Quick Big Win" เรื่อง มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (มาตรการยกเว้นภาษี R&D 300%) ตามที่คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง เพื่อการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามนโยบายยุทธศาสตร์ และแผน ววน. ภายใต้สภานโยบายเป็นผู้เสนอ ซึ่งผลการติดตามและประเมินผลที่ผ่านมาพบว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าวในช่วงปี 2558 - 2562 สามารถกระตุ้นการลงทุนด้าน R&D ของภาคเอกชน และเกิดผลกระทบเชิงบวกจากผลของโครงการวิจัยและพัฒนา เช่น เพิ่มกำไร เพิ่มยอดขาย และเพิ่มมูลค่าการจ้างงาน ซึ่งโดยรวมแล้ว รัฐยังคงได้ประโยชน์ไปพร้อม ๆ กับการเติบโตของภาคเอกชนและเศรษฐกิจของประเทศ แต่เมื่อมาตรการภาษี 300% สิ้นสุดลง การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนก็ลดลงเรื่อย ๆ จนทำให้ค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาของทั้งประเทศลดลง สภานโยบายจึงได้มีมติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้มีการดำเนินการมาตรการดังกล่าวต่อไป
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ได้นำเสนอการขอขยายระเวลาการดำเนินโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ (พ.ศ. 2570-2574) โดยที่ประชุมสภานโยบาย มีมติเห็นชอบข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งจะผลิตกำลังคนสมรรถนะสูง Reskill/Upskill/New Skill ปรับระบบประเมินทักษะ (Micro-credential / Alt. Transcript) พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการกำลังคนเชิงระบบ รองรับความต้องการของตลาดแรงงานที่ต้องการกำลังคนที่มีทักษะสูง ทันสมัย และทำงานได้จริง
วว. ร่วมส่งมอบผลิตภัณฑ์งานวิจัยพัฒนาเพื่อสุขภาพ สนับสนุนกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ช่วยลดการสูญเสียกำลังพลชายแดน เสริมแกร่งความมั่นคงชาติ
กระทรวง อว. โดย สอวช. จัดการประชุมสัมมนาในหัวข้อ "IDE Forward : From Insights to Better Policy Shifts จากข้อมูลเชิงลึกสู่ก้าวใหม่ของนโยบาย IDE" เพื่อเผยแพร่ผล IDE Monitoring
กระทรวง อว. โดย สอวช. ชู ใช้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย เร่งพัฒนาคนและเทคโนโลยี ปรับตัวรับกติกาโลก สู่เศรษฐกิจฐานความรู้อย่างยั่งยืน
วว. ร่วมต้อนรับ "นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมเตรียมประกาศนโยบาย Quick Win ที่เห็นผลได้จริง เดินหน้ายกระดับการศึกษา - คนให้ก้าวทันโลก
กระทรวง อว. โดย สอวช. ร่วมเวที Earth Jump 2025 ถกประเด็นเทคโนโลยีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนะเอกชนจับมือ SME ขอทุนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ
นักศึกษา วทอ. มจพ. คว้า 2 รางวัลชนะเลิศ จากการแข่งขันควบคุมหุ่นยนต์อัตโนมัติ
ม.ศรีปทุม รับมอบรางวัลสถานศึกษาดีเด่น และผู้บริหารดีเด่น PEF Award ประจำปี 2566 มูลนิธิเพื่อพัฒนาการศึกษาเอกชน