มกอช. เดินหน้าหารือ MAFF วางกรอบความร่วมมือ JTEPA ด้านฉลากลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสินค้าเกษตร พร้อมผลักดัน "ไข่ผำ (Wolffia)" สู่ตลาดญี่ปุ่น
มกอช. พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากกรมปศุสัตว์ เดินหน้าหารือกับกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) เพื่อกำหนดกรอบการดำเนินงานโครงการความร่วมมือทางวิชาการภายใต้กรอบ JTEPA ในหัวข้อ "Japan-Thailand Knowledge Exchange on Greenhouse Gas Reduction Systems for Agricultural Products" มุ่งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และแนวทางสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจฉลากบนสินค้าเกษตรที่แสดงระดับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ด้วยสัญลักษณ์รูปดาว และสะท้อนระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ฝ่ายญี่ปุ่นริเริ่มฉลากภาคสมัครใจดังกล่าวตั้งแต่ปี 2567 และดำเนินการแล้วในพืชกว่า 27 ชนิด พร้อมแผนต่อยอดสู่สินค้าปศุสัตว์ต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรพัฒนาระบบการผลิตที่ลดการปล่อย GHG ควบคู่กับการสื่อสารข้อมูลด้านความยั่งยืนแก่ผู้บริโภค ตอบโจทย์ทิศทางการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เปิดทางให้ไทยนำแนวปฏิบัติที่ได้ผลของญี่ปุ่นนำมาปรับใช้ในด้านการพัฒนาระบบการผลิต การรับรอง และการติดฉลากสินค้าเกษตร ให้สอดคล้องกับโครงสร้างการผลิตของไทย และเตรียมกลไกติดตามประเมินผลเพื่อรองรับการขยายรายการสินค้าในระยะต่อไป
นอกจากนี้ มกอช. ได้หารือข้อกำหนดการนำเข้าทั้งในส่วนของไข่ผำสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผำเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น เพื่อผลักดันการส่งออกและขยายตลาดสินค้าอาหารของไทย พร้อมทั้งแนะนำโปรตีนพืชทางเลือกของไทย "ไข่ผำ (Wolffia)" นำเสนอศักยภาพของพืชน้ำพื้นถิ่นที่อุดมด้วยโปรตีนและสารอาหาร ตลอดจนผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลายรูปแบบ โดยมกอช. ได้นำเสนอมาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ. 2512-2568) "การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงที่ดีสำหรับฟาร์มผำเพื่อเป็นอาหาร" เพื่อยืนยันความได้มาตรฐาน ความปลอดภัย และการตรวจสอบย้อนกลับของกระบวนการผลิต
จากการหารือทราบว่า ไข่ผำสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผำสามารถนำเข้าไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ สำหรับไข่ผำสดจัดเป็นสินค้าพืช/ผลิตภัณฑ์จากพืชในกลุ่มที่สามารถนำเข้าไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ แต่ต้องผ่านการตรวจของด่านกักกันพืชก่อน (Inspected items) โดยในทุกการนำเข้า ผู้นำเข้าฝั่งญี่ปุ่นจะต้องแจ้งการนำเข้าต่อด่านกักกันพืช (Plant Protection Station, MAFF) และด่านสาธารณสุข (Quarantine Station, MHLW) ล่วงหน้า พร้อมทั้งแนบใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate: PC) ที่ออกโดยองค์กรอารักขาพืชแห่งชาติ (National Plant Protection Organization: NPPO) ของประเทศผู้ส่งออก ในกรณีของไทยคือกรมวิชาการเกษตร เมื่อสินค้าถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว สินค้าจะต้องได้รับการตรวจสอบนำเข้า โดยด่านกักกันพืชจะตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับศัตรูพืช และด่านสาธารณสุขจะตรวจสอบในส่วนของความปลอดภัยอาหาร ก่อนผ่านพิธีศุลกากรและอนุญาตให้นำเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผำสามารถนำเข้าไปยังประเทศญี่ปุ่นได้เช่นกัน สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ประสงค์จะส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผำไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้น ก่อนการส่งออกครั้งแรกจะต้องให้ผู้นำเข้าฝั่งญี่ปุ่นติดต่อด่านสาธารณสุข ณ ท่าเรือ/สนามบินที่ประสงค์จะนำเข้าสินค้านั้น เพื่อรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ด่านสาธารณสุขที่เป็นรายผลิตภัณฑ์ โดยเจ้าหน้าที่จะพิจารณาจากองค์ประกอบสำคัญของสินค้า อาทิ ส่วนผสม กระบวนการผลิต/กรรมวิธีการผลิต รายละเอียดทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง และเอกสารประกอบ หากผ่านขั้นตอนดังกล่าวแล้ว จะเริ่มการนำเข้าได้ โดยในทุกการนำเข้า ผู้นำเข้าฝั่งญี่ปุ่นจะต้องแจ้งการนำเข้าต่อด่านสาธารณสุขล่วงหน้า และเมื่อสินค้าถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว สินค้าจะต้องได้รับการตรวจสอบนำเข้าในส่วนของความปลอดภัยอาหารโดยด่านสาธารณสุข ก่อนผ่านพิธีศุลกากรและอนุญาตให้นำเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้
'ม.ศรีปทุม-ซีอาน' ผนึกกำลังเปิดปริญญาคู่สื่อสารธุรกิจภาษาจีน ตอบโจทย์ตลาดแรงงานยุคใหม่ 2+2 สร้างบัณฑิตพร้อมสู่ตลาดโลก
MANGO ร่วมกับ ม.กรุงเทพ ลงนาม MOU พัฒนาโครงการความร่วมมือทางวิชาการและการผลิตกำลังคน ด้าน AI in ERP
ม.ราชภัฏจันทรเกษม ต้อนรับผู้แทน จาก ALTC ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมหารือความร่วมมือทางวิชาการ
มูลนิธิพระดาบส ครบรอบ 47 ปี ทีโอเอ ร่วมส่งเสริม สร้างอาชีพ 'ช่างทาสี' ให้นักเรียนโรงเรียนพระดาบส
มจพ. จัดโครงการแลกเปลี่ยน International Cultural Exchange Program กับ ม.MSU สหพันธรัฐมาเลเซีย
รร.สาธิต ราชภัฏรำไพฯ จันทบุรี ผนึกโรงเรียนไต้หวัน แลกเปลี่ยนวิชาการ
SPU เปิดบ้านต้อนรับคณะผู้แทนจากสถาบันการศึกษาชั้นนำสหรัฐอเมริกา เสริมพลังเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก สู่ความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยในอนาคต
Maxim ประเทศไทย เปิดรับนักศึกษาสหกิจศึกษารุ่นแรกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่