PwC ชี้องค์กรเร่งลงทุน AI รับมือภัยไซเบอร์ พบเพียง 6% มีศักยภาพสูงสุดป้องกันทุกช่องโหว่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

  • องค์กรเกือบแปดในสิบแห่ง (78%) มีแผนเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าเพื่อรับมือกับภัยไซเบอร์ที่มีแนวโน้มขยายตัวและซับซ้อนมากขึ้น
  • การลงทุนในเทคโนโลยี AI ได้รับการจัดลำดับเป็นอันดับหนึ่งของการใช้งบประมาณด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (36%) ในปีหน้า แซงหน้าการลงทุนในความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ (34%) ความปลอดภัยของเครือข่าย (28%) และการปกป้องข้อมูล (26%)
  • มากกว่าหนึ่งในสี่ของธุรกิจ (27%) ระบุว่า เหตุการณ์ละเมิดข้อมูลที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในรอบสามปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรม [1]TMT มีความเสี่ยงสูงกว่า
  • ช่องว่างด้านทักษะไซเบอร์ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวล โดย 50% ของผู้บริหารมองว่าการขาดความรู้ในการนำ AI มาใช้ป้องกันภัยไซเบอร์ และอีก 41% พบว่าขาดทักษะที่เกี่ยวข้อง เป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รายงานผลสำรวจล่าสุด Global Digital Trust Insights 2026 ของ PwC เผยว่า องค์กรทั่วโลกต่างเร่งเดินหน้าลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับศักยภาพในการรับมือภัยไซเบอร์ที่ซับซ้อนและทวีความรุนแรงมากขึ้น โดย AI ขึ้นแท่นเป็นภารกิจสำคัญอันดับหนึ่ง ไม่เพียงแต่ใช้ปกป้ององค์กรจากความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาแก้ไขปัญหาขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ พร้อมผลักดันการพัฒนาขีดความสามารถองค์กรตลอด 12 เดือนข้างหน้า สะท้อนถึงแนวโน้มสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ในยุคดิจิทัล

PwC ชี้องค์กรเร่งลงทุน AI รับมือภัยไซเบอร์ พบเพียง 6% มีศักยภาพสูงสุดป้องกันทุกช่องโหว่

ผลสำรวจดังกล่าว ซึ่งได้สัมภาษณ์ผู้บริหารธุรกิจและผู้บริหารด้านเทคโนโลยีจำนวน 3,887 คนใน 72 ประเทศและอาณาเขตพบว่าแม้องค์กรต่าง ๆ จะเร่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI และควอนตัมคอมพิวติง เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ความเสี่ยงไซเบอร์แต่มีเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของผู้นำด้านความปลอดภัยและปฏิบัติการเท่านั้นที่ระบุว่า องค์กรของตน 'มีความสามารถสูงมาก' ในการรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่มีองค์กรเพียง 6% ที่ประเมินว่าตนเอง มี 'ความสามารถสูงมาก' ในทุกมิติที่สำรวจ

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่า องค์กรส่วนใหญ่ยังขาดความมั่นใจในศักยภาพการจัดการกับประเด็นสำคัญ เช่น การยืนยันตัวตนและการควบคุมการเข้าถึง (เพียง 55% ที่มั่นใจว่ามีศักยภาพสูงมาก) การป้องกันผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อที่มีช่องโหว่ (48%) การรับมือกับระบบที่ล้าสมัย (45%) และการป้องกันช่องโหว่ในห่วงโซ่อุปทาน (43%) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนที่สำคัญขององค์กรต่อความเสี่ยงทางไซเบอร์ยุคใหม่

นาย ฌอน จอยซ์ หัวหน้าความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวระดับโลกของ PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า:

"เทคโนโลยีใหม่ที่กำลังพัฒนา พร้อมกับระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมโยงทั่วโลกและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ได้นำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญในด้านไซเบอร์ ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องวางแนวทางรับมือระยะยาวโดยเน้นการร่วมมือระหว่างผู้บริหาร องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ CISO มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเชิงธุรกิจและบูรณาการความปลอดภัยไซเบอร์เข้ากับกลยุทธ์หลัก นอกจากนี้ ผู้นำในอนาคตจะเป็นองค์กรที่เน้นการลงทุนเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยง มากกว่าการตอบสนอง ผลสำรวจปีนี้ชี้ให้เห็นว่า ความยืดหยุ่นเกิดจากการมีวิสัยทัศน์ล่วงหน้า ไม่ใช่การมองย้อนอดีต แต่องค์กรควรให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะ AI และไซเบอร์ ผ่านการ upskilling และ reskilling ทีมงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับและจัดการกับความเสี่ยงด้านไซเบอร์ได้อย่างชัดเจนและเชิงรุก"

AI กลายเป็นหัวใจสำคัญของผู้นำและงบประมาณด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

เช่นเดียวกับแนวโน้มในปีที่ผ่านมา องค์กรส่วนใหญ่เกือบแปดในสิบ (78%) เตรียมเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปีหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงไซเบอร์ที่ปรับเปลี่ยนและทวีความซับซ้อนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เกือบหนึ่งในสามขององค์กรเหล่านี้ (32%) ยังคาดว่า งบประมาณด้านไซเบอร์จะเพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึง 6-10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

เมื่อพิจารณาถึงลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณ พบว่า "การลงทุนในเทคโนโลยี AI" ได้รับการจัดอันดับเป็นลำดับแรก (36%) สำหรับแผนงานใน 12 เดือนข้างหน้า แซงหน้าการลงทุนในระบบความปลอดภัยบนคลาวด์ (34%) ความปลอดภัยของเครือข่าย (28%) และการปกป้องข้อมูล (26%) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนและยกระดับภูมิทัศน์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล

ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า องค์กรต่าง ๆ มุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพด้านความปลอดภัยของ AI อย่างจริงจัง โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้นำด้านความปลอดภัย (48%) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับความสามารถของ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ขณะเดียวกัน มากกว่าหนึ่งในสาม (35%) ยังเน้นการส่งเสริมศักยภาพด้านอื่น ๆ ของ AI เช่น agentic AI ซึ่งเน้นการทำงานอย่างอิสระและตัดสินใจตอบสนองต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและรับมือกับภัยไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

องค์กรต่าง ๆ หันมาประเมินความเสี่ยงด้านไซเบอร์ในรูปแบบเชิงปริมาณมากขึ้น

เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ทวีความซับซ้อนและรุนแรง ปัจจุบันมีองค์กรกว่าครึ่งหนึ่งที่มีการประเมินความเสี่ยงไซเบอร์เชิงปริมาณ เพื่อวัดผลกระทบทางการเงินในระดับสำคัญหรือในระดับสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 44% เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่า หนึ่งในสี่ของผู้บริหารเผยว่า องค์กรต้องเผชิญกับความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลร้ายแรงที่สุดในรอบสามปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สูญเสียเงินอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สอดคล้องกับผลสำรวจปีก่อน โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือ องค์กรที่มีรายได้เกิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (41%) บริษัทที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา (37%) และบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม TMT (เทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม) (33%)

ช่องว่างด้านทักษะ: อุปสรรคสำคัญต่อการเสริมสร้างศักยภาพ AI และการป้องกันภัยไซเบอร์

ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาองค์กรในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะเมื่อองค์กรต่าง ๆ กำลังเร่งนำ AI เข้ามาใช้เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ผลการสำรวจพบว่า ครึ่งหนึ่งของผู้บริหาร (50%) มองว่าการขาดความรู้และทักษะในการใช้ AI เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์เป็นความท้าทายอันดับต้น ๆ ที่องค์กรต้องเผชิญในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่อีก 41% ระบุว่าการขาดทักษะที่เกี่ยวข้องเป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้องค์กรไม่สามารถนำเทคโนโลยี AI มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นโจทย์ใหญ่ แต่ธุรกิจหลายแห่งได้เริ่มขับเคลื่อนแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในเครื่องมือ AI และการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) เพื่อเสริมประสิทธิภาพการตรวจจับและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดถึง 53% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจ นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบรักษาความปลอดภัยแบบอัตโนมัติ มาใช้มากขึ้น (48%) การบูรณาการเครื่องมือด้านไซเบอร์เข้าด้วยกัน (47%) และเร่งพัฒนาทักษะด้านไซเบอร์ให้กับบุคลากรผ่านการ upskilling และ reskilling (47%) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อการเตรียมความพร้อมด้าน AI เท่านั้น หากแต่ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปกป้องระบบเทคโนโลยีปฏิบัติการ (Operational Technology: OT) และระบบอินเทอร์เน็ตของทุกสิ่งในภาคอุตสาหกรรม (Industrial Internet of Things: IIoT) โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้นำองค์กร (47%) ชี้ว่าการขาดบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นความท้าทายหลักที่ต้องเผชิญในการดูแลความปลอดภัยของระบบเหล่านี้

ในขณะเดียวกัน แม้เทคโนโลยีควอนตัมจะพัฒนาอย่างรวดเร็วและถูกจัดให้เป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่องค์กรทั่วโลกยังรับมือได้จำกัด (รองจากภัยคุกคามจากคลาวด์ 33% การโจมตีผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกัน 28% การละเมิดข้อมูลจากบุคคลที่สาม 27% และภัยจากควอนตัมคอมพิวติง 26%) แต่พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งขององค์กร (49%) ยังไม่ได้เริ่มพิจารณาหรือดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยที่สามารถรับมือกับเทคโนโลยีควอนตัมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสาเหตุหลักมาจากการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงหลังยุคควอนตัม ทรัพยากรภายในที่จำกัด และความจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญกับประเด็นเร่งด่วนอื่น ๆ ก่อน

ด้านนาย ริชี อานันท์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย ได้แสดงมุมมองเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทยว่า:

"ปัจจุบัน องค์กรไทยเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาในแต่ละอุตสาหกรรมยังมีความแตกต่างกัน โดยภาคการเงินและโทรคมนาคมถือเป็นกลุ่มที่มีความก้าวหน้ามากที่สุด ส่วนองค์กรในอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะธุรกิจ SME ซึ่งมักมีความเชื่อว่าขนาดธุรกิจของตนเล็กเกินกว่าจะตกเป็นเป้าหมาย กลับตั้งรับมากกว่ารุก ทั้งที่ในความเป็นจริง องค์กรทุกขนาดสามารถกลายเป็นเหยื่อของภัยคุกคามไซเบอร์ได้ทั้งสิ้น เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานสากล ความพร้อมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เรายังขาด คือ การขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุก โดยควรนำแนวคิดการบริหารจัดการความเสี่ยงมาเป็นฐานในการวางแผน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้มากยิ่งขึ้น"

นาย ริชี กล่าวเพิ่มเติมว่า:

"แม้เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยไซเบอร์จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและองค์กรไทยเริ่มนำเครื่องมือต่าง ๆ เช่น ระบบบริหารจัดการตัวตน การปกป้องข้อมูล และโซลูชันความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI เข้ามาใช้มากขึ้น แต่การนำ AI มาใช้เชิงรุกเพื่อป้องกันและรับมือกับภัยไซเบอร์ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ความท้าทายหลักจึงไม่ได้อยู่ที่การเลือกใช้เครื่องมือเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการพัฒนาทักษะบุคลากรและการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม ดังนั้น การสร้างความยืดหยุ่นอย่างแท้จริงต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการซื้อโซลูชัน AI สำเร็จรูป มาเป็นการเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมในการประยุกต์ใช้ AI ภายในองค์กรอย่างเป็นระบบ"

[1] อุตสาหกรรมเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม


ข่าวความปลอดภัยบนระบบคลาวด์+อันดับหนึ่งวันนี้

ColorTokens ยกระดับการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust ขึ้นอีกขั้น ด้วยการรวบรวมเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยไว้ในแพลตฟอร์มที่ให้บริการบนคลาวด์เพียงหนึ่งเดียว

- หลังจากพัฒนามาตั้งแต่ต้น ในที่สุดแพลตฟอร์ม Xtended ZeroTrust Platform ก็สามารถส่งมอบโซลูชั่นสำหรับองค์กรตัวแรกและตัวเดียวที่ผสานรวมการปกป้องเวิร์กโหลด, การมองเห็น, การควบคุมการใช้งาน ตลอดจน AV และ EDR เอาไว้ในที่เดียว ColorTokens Inc. ผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ยุคใหม่ด้วยแนวคิด ZeroTrust ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม ColorTokens Xtended ZeroTrust Platform ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้การปกป้ององค์กรทุกขนาดจากการละเมิดความปลอดภัยและการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย ในขณะเดียวกันก็ทำให้แนวคิดแบบ

รับรางวัล "นวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยดีเ... นวัตกรรมของเทรนด์ไมโครตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด นวัตกรรมของเทรนด์ไมโครตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด — รับรางวัล "นวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยดีเด่นแห่งปี 2558" จาก...

สรอ.ร่วมกับ ซีเอสเอ ประเทศไทย เปิดงาน“อาเซียน ซีเอสเอ ซัมมิท 2015” การประชุมสัมมนาระดับอาเซียนด้านการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์

สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สรอ.) และสมาคมความมั่นคงปลอดภัยคลาวด์คอมพิวติ้ง ประเทศไทย หรือซีเอสเอ ประเทศไทย (CSA Thailand Chapter) ร่วม...

ภาพข่าว: เปิดงาน“อาเซียน ซีเอสเอ ซัมมิท 2015” การประชุมสุดยอดอาเซียนด้านระบบรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์

เมื่อเร็วๆ นี้นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) (ที่ 4 จากซ้าย) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนาเชิงวิชาการระดับอา...

- การโจมตีข้ามพรมแดนของอาชญากรไซเบอร์สร้า... แอพอันตรายจากเกาหลีใต้โจมตีจีน Dr. Safety ของเทรนด์ไมโครมอบการปกป้องอย่างครบวงจรสำหรับผู้บริโภค — - การโจมตีข้ามพรมแดนของอาชญากรไซเบอร์สร้างความเสี่ยงอย่า...

เทรนด์ไมโครจับมือเอสไอเอสรุกตลาดคลาวด์ ซิเคียวริตี้สมบูรณ์แบบครั้งแรกในไทย

บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) เปิดกลยุทธ์รุกตลาดคลาวด์ซิเคียวริตี้ครึ่งปีหลัง ผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจยักษ์ใหญ่ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นำเสนอโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ดีพ ซิเคียวริตี้...

เทรนด์ไมโครคาดการณ์แนวโน้มด้านความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ในปี 2556

นายเดฟ แอสเพรย์ รองประธานฝ่ายความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ บริษัท เทรนด์ไมโคร อิงค์เปิดเผยถึงแนวโน้มด้านความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ในปี 2556 ว่า “อาชญากรไซเบอร์ต่างพุ่งเป้าโจมตีไปที่ตำแหน่งที่มีข้อมูลจัดเก็บอยู่ ในขณะที่ข้อมูลจำนวนมากขึ้นเรื่อย...

ภาพข่าว: เอ็นฟอร์ซฯ นำทีมพาร์ทเนอร์ ร่วมงาน “Fujitsu Cloud Conference”

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็มส์ เอพี จำกัด นำทีมพาร์ทเนอร์คือ บริษัท บลูโค้ท ซิสเต็มส์ และ บริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ค เข้าร่วมงาน “Fujitsu Cloud Conference” เพื่อโชว์ประสิทธิภาพการ...