"CHAO" โชว์ฟอร์มไตรมาส 3 ปี 68 แข็งแกร่ง กวาดรายได้ 341.3 ล้านบาท กำไรพุ่ง 403.3%

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

เร่งเครื่องโค้งสุดท้าย มุ่งขยายตลาดและยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน รุกสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

"CHAO" โชว์ฟอร์มไตรมาส 3 ปี 68 แข็งแกร่ง กวาดรายได้ 341.3 ล้านบาท กำไรพุ่ง 403.3%

'บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี' หรือ CHAO เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ทำรายได้ 341.3 ล้านบาท เติบโต 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) ปัจจัยหนุนหลักมาจากการเติบโตของยอดขายจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป ประกอบกับการดำเนินมาตรการบริหารต้นทุนเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 35.5% ขณะกำไรสุทธิเติบโต 403.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) โค้งสุดท้ายเร่งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพควบคุมต้นทุน หนุนผลงานโตต่อเนื่อง

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ "เจ้าสัว" เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม - กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 341.3 ล้านบาท เติบโต 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) แต่ยังปรับตัวลดลง 24.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้ (Revenue Recognition) กลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากธัญพืช ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่เติบโต และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย (Asian Chain Supermarket) ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มประเทศยุโรป ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากการส่งออกสินค้าไปยังประเทศอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนเชิงรุก ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity Improvement) ภายในโรงงาน รวมทั้งการลดของเสียจากกระบวนการผลิต ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเติบโต 5.3% (QoQ) และอัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 35.5% หรือเพิ่มขึ้น 1.7% (QoQ) ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมุ่งสร้างการเติบโตผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ต่ำ อาทิ ช่องทางออนไลน์ และตลาดต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิทำได้ 9.5 ล้านบาท เติบโต 403.3% (QoQ) แต่ลดลง 82.4% (YoY)

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งนำกลยุทธ์ 'Marketing 360?' มาปรับใช้อย่างจริงจัง เพื่อผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าปรับกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ โดยเน้นการยกระดับช่องทางการค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม B2B (Business-to-Business) ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ ขยายความร่วมมือกับ แม็คโคร (Makro) โดยนำผลิตภัณฑ์หมูหยองไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดโอกาสและสร้างฐานลูกค้าใหม่ในตลาดองค์กร

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งทางการตลาดผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน (ESG) เพื่อรักษาสถานะผู้นำในตลาดและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกันนี้ ยังคงดำเนินมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity Improvement) และลดของเสียในกระบวนการผลิต (Waste Reduction) เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและผลักดันอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว

"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของบริษัทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไรสุทธิที่เติบโตสูงถึง 403.3% จากไตรมาสก่อน ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ สะท้อนความสำเร็จในการมุ่งผลักดันให้แบรนด์ขนมขบเคี้ยวไทยเติบโตในตลาดระดับโลก ทั้งนี้ เจ้าสัวยังมุ่งมั่นสร้างการเติบโต เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศ และแสวงหาโอกาสผ่านการขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน" นางสาวณภัทร กล่าว


ข่าวสหรัฐอเมริกา+กลุ่มประเทศวันนี้

ttb analytics มองอุตสาหกรรมยางไทยได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ แต่ยังไม่เสียเปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แนะภาครัฐเร่งเจรจาเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ

สืบเนื่องจากวันที่ 2 เมษายน 2568 สหรัฐอเมริกาเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้ารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Reciprocal Tariff (ภาษีตอบโต้) ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการขาดดุลการค้า ส่งผลให้ไทยซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ เป็นกลุ่มประเทศที่นับว่าถูกคิดภาษีในอัตราที่สูง โดยในเบื้องต้นถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ที่ 36% ซึ่งเมื่อเทียบกับภาพรวมถือว่าไทยถูกคิดอัตราภาษีเป็นลำดับที่ 13 จาก 185 ประเทศทั่วโลกที่มีการประกาศ แต่อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ได้เลื่อนอัตราภาษีที่ประกาศใช้ออกไปอีก 90

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรม-ทดสอบฯ พนักงานนว... กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ยกระดับทักษะพนักงานนวดและสปา มุ่งตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ — กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรม-ทดสอบฯ พนักงานนวดและสปา การันตีฝีมือตอบโจทย์ตลาดต่า...

เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณสุพจน์ กังวานวาณิชย์ ผ... คอมแพ็ค เบรก เดินหน้ารุกตลาดอเมริกา โชว์นวัตกรรมผ้าเบรกคุณภาพระดับโลกในงาน AAPEX 2025 — เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณสุพจน์ กังวานวาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจต่างประ...

สองนักแสดงชื่อดัง มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง แ... มาย-อาโป เตรียมร่วมงาน THAI SELECT FESTIVAL ที่อเมริกา — สองนักแสดงชื่อดัง มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง และ อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ เตรียมร่วมงาน "THAI SELEC...

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ ที... ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2568 — สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีเอ็มเอ (TMA) เผยผลการจัดอันดับขีดความสาม...