ประสานเข้าถึงระบบ RTS - NSW เสริมทัพคุมเข้มเรือสนับสนุนฯ โปร่งใส ตรวจสอบได้
กรมประมงจัดประชุมแบ่งปันความร่วมมือในการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังเรือสนับสนุนการประมง ภายหลังมีการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมง หรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. 2565 เพื่อบูรณาการการทำงาน สร้างกลไก ในการติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเป็นช่องทางในการติดตามเรือสนับสนุนการประมง ณ ห้องประชุมพะยูน กรมประมง และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ Zoom Cloud Meetings โดยมีกรมสรรพสามิต กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กองบังคับการตำรวจน้ำ ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน และกองทัพเรือ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายประเทศ ซอรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแบ่งปันความร่วมมือในการติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวังเรือสนับสนุนการประมง โดยมีนายสุวัฐน์ วงศ์สุวัฒน์ รองอธิบดีกรมประมง และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมพะยูน กรมประมง และผ่านระบบการประชุมออนไลน์ Zoom Cloud Meetings ว่า สืบเนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการยกเลิกกฎกระทรวง กำหนดวิธีปฏิบัติของเจ้าของเรือประมงที่ใช้สนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมง หรือเรือขนถ่ายสัตว์น้ำ พ.ศ. 2565 เพื่อลดความซ้ำซ้อนและผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากเรือสนับสนุนเรือที่ใช้ทำการประมง มีกฎหมายเฉพาะ และหน่วยงานอื่นเป็นหลักในการกำกับดูแลอยู่แล้ว ซึ่งเดิมกฎกระทรวงดังกล่าว กำหนดให้เรือที่มีประเภทการใช้ จำนวน 6 ประเภท ได้แก่ เรือบบรรทุกน้ำมันเพื่อการประมง เรือบรรทุกสินค้าห้องเย็น เรือบรรทุกน้ำจืด เรือบรรทุกน้ำจืดเพื่อการประมง เรือบรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส และเรือบรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีจุดวาบไฟสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส จะต้องติดตั้งระบบติดตามเรือประมง (Vessel Monitoring System; VMS) และแจ้งเข้าออกท่าเทียบเรือกับกรมประมง อย่างไรก็ตาม กรมประมงในฐานะหน่วยงานหลักในการป้องกันและขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ยังคงมีความจำเป็นต้องติดตามการประกอบกิจกรรมของกลุ่มเรือสนับสนุนดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนเรือประมงที่กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรือบบรรทุกน้ำมันเพื่อการประมงและเรือบรรทุกสินค้าห้องเย็น
ดังนั้น จากนโยบายของนางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง ที่มุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน กรมประมงจึงได้จัดประชุมดังกล่าวขึ้น โดยเชิญหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กองบังคับการตำรวจน้ำ ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) กรมธุรกิจพลังงาน กองทัพเรือ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มาร่วมหารือ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยมีมติที่สำคัญ ดังนี้
1. มีการตกลงร่วมกันที่จะจัดทำบันทึกความร่วมมือร่วมกับกรมสรรพสามิต กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กองบังคับการตำรวจน้ำ ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน และกองทัพเรือ เพื่อแบ่งปันข้อมูลและทำงานร่วมกัน
2. ขอความอนุเคราะห์กรมสรรพสามิตในการเข้าถึงระบบ RTS (Real Time Surveillance) ซึ่งเป็นระบบที่กรมสรรพสามิตใช้ติดตามเฝ้าระวังเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อการประมงทุกลำ โดยนำระบบ AIS (Automatic Identification System) ซึ่งเป็นระบบระบุตัวตนเรืออัตโนมัติ ที่ส่งข้อมูลตำแหน่งและตัวตนของเรือมาใช้ (ระบบ AIS เป็นระบบปิด มีเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่สามารถเห็นตำแหน่งเรือได้ เจ้าของเรือไม่สามารถเห็นตำแหน่งเรือได้เนื่องจากบนเรือไม่มีหน้าจอแสดง และบุคคลอื่นไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล AIS ของกรมสรรพสามิตได้)
3. ขอความอนุเคราะห์กรมเจ้าท่าในการเข้าถึงระบบ NSW (National Single Window @ Marine Department) ซึ่งเป็นระบบที่กรมเจ้าท่ากำหนดให้เรือต้องแจ้งเข้าออกด้วยวิธีการทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมเจ้าท่า เพื่อเข้าถึงข้อมูลการเข้าออกของเรือ
4. ขอความอนุเคราะห์กรมศุลกากรในการจัดส่งรายงานการรับส่งน้ำมันดีเซลที่นำไปจำหน่ายในเขตต่อเนื่องเพื่อใช้ในการตรวจสอบเรือประมงที่ทำประมงอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีสิทธิ์รับน้ำมันในเขตต่อเนื่อง รวมทั้งข้อมูลสินค้าที่นำเข้าส่งออกด้วยเรือบรรทุกสินค้าห้องเย็น เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าที่อยู่ในระวางของเรือบรรทุกสินค้าห้องเย็น
5. ขอความอนุเคราะห์กรมธุรกิจพลังงานในส่วนข้อมูลผู้ค้าน้ำมันในเขตต่อเนื่องและคลังน้ำมัน เพื่อใช้ในการตรวจสอบผู้มีสิทธิ์ขายน้ำมันในเขตต่อเนื่องและต้นทางของน้ำมันที่ไปจำหน่ายในเขตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรมประมงจะนำข้อมูลจากหน่วยงานข้างต้น มาวิเคราะห์ร่วมกับระบบ VMS (Vessel Monitoring System) ซึ่งเป็นระบบติดตามเรือประมงผ่านดาวเทียมที่กรมประมงพัฒนาขึ้น เพื่อตรวจสอบตำแหน่ง ความเร็ว และเส้นทางเรือประมงแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้การติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศ ว่าสินค้าประมงของไทยมาจากการทำประมงที่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนและปราศจากการทำประมงผิดกฎหมาย
มจพ. ผนึกกำลัง วปอ.67 หมู่สิงโต ส่งมอบหุ่นยนต์อัจฉริยะกวาดล้างทุ่นระเบิด 3 ตัว ให้กับกองกำลังสุรนารี ใช้งานจริงและเพิ่มความปลอดภัยให้กำลังพล
Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ผนึกกำลัง Memeland ยกระดับวงการ Meme Community ในไทย
สจล. ร่วมมือ กกต. พัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมและนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการเลือกตั้ง
Tencent Cloud ยักษ์ใหญ่ระบบคลาวด์ ประกาศจับมือ Bitkub ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย
โครงการ Creative Cultural District (CCD)
วว. ร่วมมือ หจก. อมอร์4569 บริการวิจัย พัฒนาเครื่องสำอางจากน้ำมันหอมระเหยไพล ต่อยอดสมุนไพรไทยสู่การแข่งขันเชิงพาณิชย์
วช. เปิดศูนย์เรียนรู้เทคโนโลยีโดรนเกษตร เสริมทักษะอาชีพและเพิ่มศักยภาพเกษตรกร ณ วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา จังหวัดน่าน
พิธีลงนามความร่วมมือ Partnership MOU Signing Ceremony TH Health x MIRXES (Thailand) x Thonburi Bamrungmuang Hospital