GPI ผลงานครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง ทำกำไรสุทธิ 115.16 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.03 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 25 ส.ค.นี้

13 Aug 2021

'บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล' หรือ GPI ชูผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง ทำกำไรสุทธิ 115.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2021 ธุรกิจรับจ้างพิมพ์และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.03 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 25 สิงหาคมนี้ คาดรักษาผลการดำเนินงานทั้งปีไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา หลังไตรมาส 3/2564 เตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากธุรกิจรับจ้างพิมพ์ รุกปรับกลยุทธ์ธุรกิจจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดสู่รูปแบบออนไลน์ และพัฒนาแอปพลิเคชัน Car Buddy by GPI เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ มุ่งควบคุมค่าใช้จ่ายรับมือเศรษฐกิจผันผวน

GPI ผลงานครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง ทำกำไรสุทธิ 115.16 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.03 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 25 ส.ค.นี้

ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถรักษาผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 123.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 748% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 16.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ปัจจัยที่บริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากการรับรู้รายได้จากการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2021 ส่วนที่เหลืออีก 4 วัน รายได้จากธุรกิจรับจ้างพิมพ์ที่เพิ่มขึ้นและการมุ่งเน้นควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อรายได้และผลกำไรที่เป็นไปตามเป้าหมาย

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก มีรายได้จากการขายและบริการ 448.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 976% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 115.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203% โดยการเติบโตมาจากการรับรู้รายได้จากการจัดงานบางกอก อินเตอร์ มอเตอร์โชว์ 2021 ธุรกิจรับจ้างพิมพ์ และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 กันยายน 2564

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GPI กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขายและบริการกว่า 509.4 ล้านบาท แม้สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีความผันผวน และมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบกระทบต่อการจัดกิจกรรมและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยจะมุ่งเพิ่มรายได้จากธุรกิจเดิมและมองโอกาสขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ รวมถึงมุ่งเน้นการบริหารงานอย่างรัดกุมและควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทฯ มีงานรับจ้างพิมพ์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2564 รวมมูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท และได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการยานยนต์ มุ่งเน้นการนำเสนอกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ล่าสุดได้รับงานจากค่ายรถ Mini เป็นผู้จัดทำวิดีโอ พรีเซนเทชั่น เพื่อใช้โปรโมตภายในงานแนะนำรถกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และอยู่ระหว่างเสนองานกับผู้ประกอบการยานยนต์ชั้นนำจากยุโรปอีก 2 แบรนด์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกัน บริษัท ออโตเมทริกซ์ โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GPI และ บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านดิจิทัลมีเดียและการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) หลังจากได้ร่วมมือกันพัฒนาแอปพลิเคชัน Car Buddy by GPI เพื่อให้บริการค้นหาอู่ซ่อมรถใกล้บ้านและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการบำรุงรักษารถ ล่าสุดได้พัฒนาฟังก์ชันใหม่ให้บริการค้นหาศูนย์บริการทำความสะอาดรถ (Car Care) แก่ลูกค้าที่สนใจ เพื่อโอกาสสร้างรายได้จากการใช้แอปพลิเคชันโปรโมตศูนย์บริการหรือกิจกรรมโปรโมชั่นต่างๆ ให้แก่ลูกค้า รวมถึงมีแผนนำฐานข้อมูลผู้เข้าชมแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่มีความต้องการซื้อรถรุ่นต่างๆ ในช่วงนี้ เพื่อเป็นคนกลางในการแมตชิ่งกับผู้ประกอบการยานยนต์แบรนด์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งโมเดลธุรกิจที่จะสร้างรายได้แก่บริษัทฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ หลังจากบริษัทฯ เข้าถือหุ้น 25.45% ในบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF) จังหวัดนครสวรรค์ กำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ (MW) ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนขอใบอนุญาตประกอบกิจการจากภาครัฐ หากสามารถผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ จะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจดังกล่าว