How to การเลือกรถกระบะ Isuzu มือสองต้องดูที่อะไรบ้าง

บทความ »

รถกระบะ Isuzu มือสอง ยังคงเป็นตัวเลือกในใจของใครหลายคนมาอย่างยาวนาน ด้วยชื่อเสียงเรื่องความอึด ถึก ทน และที่สำคัญคือ เครื่องยนต์ดีเซล ที่ได้รับการยอมรับว่าประหยัดน้ำมันเอาเรื่อง ไม่ว่าจะขนของหนัก ขึ้นเขา ลงห้วย หรือใช้งานในชีวิตประจำวันก็ตอบโจทย์ได้หมด โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมอย่าง D-Max ที่มีหลากหลายโฉมให้เลือก ตั้งแต่รุ่นเก่าที่ยังเก๋าเกม ไปจนถึงรุ่นใหม่ที่ฟังก์ชันจัดเต็ม ทำให้ตลาดรถกระบะ Isuzu มือสอง คึกคักอยู่เสมอ แต่ก่อนตัดสินใจควักกระเป๋าจ่าย เรามีเทคนิคการเลือกที่ลึกกว่าแค่การดูภายนอกมาฝาก

3 จุดสำคัญที่ต้องโฟกัสก่อนตัดสินใจซื้อรถกระบะ Isuzu มือสอง

การซื้อรถมือสองไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบราคา แต่คือการซื้ออนาคตของการซ่อมบำรุงด้วย ดังนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน นี่คือ 3 อย่างที่คนอยากได้รถกระบะ Isuzu มือสองต้องรู้

1.ฟังเสียงเครื่องยนต์ให้ขาด อย่าเชื่อแค่เลขไมล์

    หลายคนมักจะดูเลขไมล์เป็นหลัก ซึ่งเป็นเพียงตัวเลขที่ถูกปรับได้ง่าย สิ่งที่สำคัญกว่าคือการฟังเสียงเครื่องยนต์ของรถกระบะ Isuzu มือสอง เครื่องยนต์ดีเซลของค่ายนี้มีจุดเด่นที่ความทนทานก็จริง แต่ถ้าใช้งานหนัก หรือไม่เคยเข้าศูนย์ตามระยะ เสียงเครื่องจะบอกทุกอย่าง

    • เสียงเดินเบา ต้องนิ่ง ไม่สั่นผิดจังหวะ ถ้าได้ยินเสียง “เขก” หรือ “แกร๊กๆ” ดังชัดเจนตอนสตาร์ท อาจหมายถึงปัญหาที่ระบบหัวฉีดหรือวาล์วที่กำลังจะมาเยือน ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าค่าซ่อมหนักเอาเรื่อง
    • ลองเร่งเครื่อง ให้ลองเหยียบคันเร่งแบบเร็ว ๆ เพื่อดูควัน ถ้าควันดำมากเกินไป แปลว่าระบบเผาไหม้เริ่มมีปัญหา หรือไส้กรองตัน แต่ถ้าเป็นควันขาวจัด ๆ อาจเป็นสัญญาณของเทอร์โบที่กำลังจะลาโลก ซึ่งนั่นคือค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือ

    2.เช็กช่วงล่างและระบบส่งกำลัง ดูให้แน่ว่า “ไม่ได้เป็นรถแบกน้ำหนัก”

      จุดเด่นของรถกระบะ Isuzu มือสอง คือช่วงล่างที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเจ้าของเดิมเป็นผู้รับเหมาที่บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดเป็นประจำ ช่วงล่างจะโทรมเร็วกว่าปกติมาก

      • ใต้ท้องรถ ให้ก้มดูบริเวณแหนบและโช้คอัพ ถ้ามีรอยร้าว รอยเชื่อมใหม่ หรือเห็นคราบน้ำมันเยิ้มจากโช้ค นั่นคือสัญญาณว่ารถคันนี้เคยรับภาระหนักจนช้ำมาแล้ว
      • ทดสอบการเข้าเกียร์ โดยเฉพาะเกียร์ธรรมดา ต้องลองเข้าทุกเกียร์ตั้งแต่ 1 ถึง 5 (หรือ 6) ต้องเข้าได้ลื่น ไม่ติดขัด ไม่ต้องออกแรงดัน ถ้าเข้าเกียร์ยาก นั่นอาจหมายถึงคลัตช์ที่ใกล้หมด หรือปัญหาที่ระบบเกียร์ ซึ่งเป็นจุดบกพร่องที่ทำให้การขับรถกระบะ Isuzu มือสองไม่มีประสิทธิภาพ

      3.เอกสารและประวัติการซ่อมบำรุง 

        รถดีไม่ได้แปลว่าสภาพสวยเสมอไป รถที่ดีต้องมีประวัติชัดเจน การขอสมุดคู่มือและใบเสร็จรับเงินต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะยืนยันว่ารถกระบะ Isuzu มือสองคันนั้นได้รับการดูแลตามมาตรฐาน

        • ประวัติการเปลี่ยนถ่ายของเหลว ดูว่าเจ้าของเดิมเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองท้ายตามระยะทางหรือไม่ รถที่ขาดการดูแลเรื่องของเหลว จะมีอายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลงอย่างชัดเจน
        • ชื่อเจ้าของในเล่มทะเบียน ถ้ามีการเปลี่ยนเจ้าของหลายคนในระยะเวลาสั้น ๆ (เช่น 1 ปี เปลี่ยน 3-4 มือ) ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่ารถคันนั้นอาจมีปัญหาจุกจิกที่แก้ไม่หาย จนเจ้าของต้องรีบปล่อยออกไป  

        การเลือกซื้อรถกระบะ Isuzu มือสองไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรารู้ว่าควรโฟกัสที่จุดไหน อย่ามองแค่ภายนอกสวย ๆ หรือราคาที่ดึงดูดใจ ให้เน้นไปที่สุขภาพของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และประวัติการดูแลรักษา หากสามส่วนนี้ผ่าน ก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้รถที่อึดทน และพร้อมเป็นคู่หูในการทำงานหรือเดินทางไปได้อีกนาน