
การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และนอกเหนือจากความโศกเศร้าแล้ว สิ่งที่ทายาทต้องรับมือต่อคือการจัดการทรัพย์สินและภาระต่าง ๆ ของผู้เสียชีวิต ซึ่ง “รถยนต์” ก็เป็นหนึ่งในทรัพย์สินมรดกที่มักสร้างความสับสนในขั้นตอนการจัดการกรรมสิทธิ์ หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร หรือต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง วันนี้ เราได้รวบรวมทุกขั้นตอนและข้อมูลที่จำเป็นในการโอนรถยนต์มาฝากกัน
รถที่เจ้าของเสียชีวิต ภาระหนี้ตกเป็นของใคร
ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการโอน สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบสถานะของรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณีหลัก คือ
- กรณีรถยนต์ผ่อนหมดแล้ว : หากผู้เสียชีวิตได้ชำระค่างวดครบถ้วนแล้ว รถยนต์คันนั้นจะถือเป็นทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตโดยสมบูรณ์ และจะตกเป็น “กองมรดก” เพื่อแบ่งปันให้แก่ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมต่อไป ซึ่งทายาทจะต้องดำเนินการทางกฎหมายเพื่อรับโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของตนเอง
- กรณีรถยนต์ยังผ่อนไม่หมด : ในกรณีนี้ กรรมสิทธิ์ของรถยังคงเป็นของบริษัทไฟแนนซ์ ผู้เสียชีวิตเป็นเพียง “ผู้เช่าซื้อ” เท่านั้น เมื่อผู้เช่าซื้อเสียชีวิต หนี้สินส่วนนี้ไม่ได้สิ้นสุดลงไปด้วย ทายาทหรือผู้จัดการมรดกจะต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
- หากเลือกผ่อนต่อ : หากทายาทต้องการเก็บรถไว้ จะต้องติดต่อไฟแนนซ์เพื่อทำเรื่องเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อมาเป็นชื่อของตนเองและรับภาระผ่อนต่อจนครบกำหนด
- หากเลือกไม่ผ่อนต่อ : หากทายาทไม่ประสงค์จะรับภาระ สามารถแจ้งให้ไฟแนนซ์นำรถยนต์กลับไปขายทอดตลาดได้ หากขายได้ราคาเกินยอดหนี้คงค้าง ทายาทมีสิทธิ์ได้รับเงินส่วนต่างคืน แต่หากขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้ ทายาทอาจต้องรับผิดชอบชำระหนี้ส่วนที่ขาดไป
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับโอนรถผู้เสียชีวิต

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินการรวดเร็วขึ้น โดยเอกสารจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการมีผู้จัดการมรดก
กรณีมีคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
เป็นวิธีที่ชัดเจนและมีผลทางกฎหมายที่สุด ผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลจะเป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการโอนรถแทนทายาททุกคน เอกสารที่ต้องใช้ได้แก่
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (เล่มทะเบียนตัวจริง)
- คำสั่งศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก พร้อมหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด
- สำเนาใบมรณบัตรของเจ้าของรถ
- บัตรประชาชนตัวจริงของผู้จัดการมรดก
- แบบคำขอโอนและรับโอนที่กรอกข้อมูลครบถ้วน
กรณีไม่มีพินัยกรรมหรือคำสั่งศาล
หากไม่มีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ทายาทสามารถดำเนินการได้ แต่ขั้นตอนจะซับซ้อนกว่า โดยต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ความเป็นทายาท ได้แก่
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (เล่มทะเบียนตัวจริง)
- สำเนาใบมรณบัตรของเจ้าของรถ
- บัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของทายาทผู้รับโอน
- หนังสือรับรองผลการสอบปากคำทายาท จากสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอที่ผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อยืนยันลำดับทายาทที่ถูกต้อง
ขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการโอนรถมรดก

เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว สามารถดำเนินการโอนรถได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดที่รถจดทะเบียนไว้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ : ที่ฝ่ายตรวจสภาพรถของสำนักงานขนส่ง
- ยื่นเรื่องและตรวจสอบเอกสาร : นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่แผนกทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง
- ชำระค่าธรรมเนียม : เจ้าหน้าที่จะประเมินราคาและคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย
- ค่าคำขอโอน : 5 บาท
- ค่าธรรมเนียมการโอน : 100 บาท
- ค่าอากรแสตมป์ : คิดในอัตรา 500 บาท ต่อราคาประเมินรถยนต์ทุก ๆ 100,000 บาท
- ค่าเปลี่ยนป้ายทะเบียน : 200 บาท (กรณีต้องการเปลี่ยน)
- ค่าเปลี่ยนเล่มทะเบียน : 100 บาท (กรณีเล่มชำรุดหรือหน้าบันทึกเต็ม)
- รอรับเล่มทะเบียนรถ : เมื่อชำระเงินเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการแก้ไขข้อมูลในเล่มทะเบียนเป็นชื่อของทายาทผู้รับโอน
ตามกฎหมายแล้ว ทายาทหรือผู้จัดการมรดกต้องดำเนินการโอนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับรถเป็นมรดก หากเกินกำหนดจะมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท
เมื่อคุณได้รับโอนรถมาเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณเรียบร้อยแล้ว รถคันนี้ไม่เพียงแต่เป็นมรดกตกทอด แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินทุนในยามฉุกเฉินได้ หากคุณต้องการเงินก้อนเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือต่อยอดโอกาสต่าง ๆ รถยนต์คันนี้สามารถเป็นแหล่งเงินทุนที่ดีให้กับคุณได้ผ่าน สินเชื่อทะเบียนรถยนต์จาก ทิสโก้ ออโต้แคช ที่ให้วงเงินสูงสุด 100%ของราคาประเมินรถ และเลือกผ่อนได้นานถึง 72 เดือน ไม่ต้องโอนเล่ม และสามารถปิดบัญชีก่อนกำหนดได้โดยไม่มีค่าปรับติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-123-4000 หรือ แอดไลน์ @TISCOAutoCash เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเรื่องการเงินให้คุณทันที
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 12% – 24% ต่อปี
เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด