(ต่อ1) Collateral Damage คนเหล็กทวงแค้น วินาศกรรมทมิฬ ทุกโรงทั่วไทยฉายพร้อม อเมริกา 8 ก.พ. 45 (ฉบับเต็ม)

Press Releases »

กรุงเทพฯ--8 ก.พ.--วอเนอร์ บรอส เบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Collateral Damage"การเลือกเฟ้นนักแสดง ( Bringing the Talent Together ) ภาพยนตร์เรื่อง "Collateral Damage" เกิดขึ้นจากเค้าโครงเรื่องของ โรนัลด์ รู้ส ( Ronald Roose ) นักเขียนและผู้ตัดต่อภาพยนตร์ เขาเสนอแนวคิดนี้ให้กับ เดวิส ฟอสเตอร์ ( David Foster ) เพื่อน และคู่หูที่ทำงานเข้าขากันมานาน ฟอสเตอร์ เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ( จาก "The River Wild," และ "The Mask of Zorro" ) มาโดยตลอด รู้ดีว่า เรื่องใดดีเข้าขั้น และเขาก็สนับสนุนจนเป็นรูปเป็นร่าง และเริ่มเตรียมงามสร้าง จนในที่สุดก็ร่วมกับ สตีเว่น รูเธอร์ ( Steven Reuther ) ผู้อำนวยการสร้างและ CEO ของบริษัท Bel-Air Entertainment ที่ก็มีผลงานประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก "Face/Off", "Sommersby", และ "Rock Star" มาแล้วหลังจากนั้นงานเขียนบทภาพยนตร์ก็ตกอยู่กับสองพี่น้อง ปีเตอร์ กริฟฟิธ ( Peter Griffiths ) และ เดวิด กริฟฟิธ ( David Griffiths ) ส่วนผู้กำกับภาพยนตร์ แอนดรู เดวิส ( Andrew Davis ) ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก "The Fugitive" และ "A Perfect Murder" ทั้งยังเคยร่วงมงานกับ สตีเว่น รูเธอร์ ( Steven Reuther ) ใน "Under Siege" ผลงานลุ้นระทึกที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก เขาจึงกลายเป็นตัวเก็งหมายเลขหนึ่งที่ได้รับการทาบทามให้มากกำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นลุ้นระทึกเรื่องนี้เมื่อได้ตัว แอนดรู มากำกับเป็นที่แน่นอน และบทภาพยนตร์สำเร็จสมบูรณ์แล้ว, คณะผู้สร้างภาพยนตร์จึงเริ่มเลือกเฟ้นหาตัวนักแสดงมารับบทบาทต่าง ๆ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ( Arnold Schwarzenegger ) เป็นคนแรกที่ตกปากรับคำมานำแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้แทบจะในทันทีที่ได้ยินข่าวคราวการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งก็แปลกไม่น้อยที่เขาคุยกับ สตีเว่น รูเธอร์ ( Steven Reuther ) ในระหว่างนั่งกระเช้าสกีขึ้นไปเล่นด้วยกันที่ Sun Valley "ผมมักจะได้แสดงหนังของ Warner Bros. Pictures ด้วยวิธีนี้อยู่เสมอ" ชวาร์เซเนกเกอร์ กระเซ้า "นี่ก็เหมือนกับตอนที่ผมได้ข่าวเกี่ยวกับ 'Eraser' และ 'Batman & Robin' นั่นแหละ มันจะต้องมีใครสักคนควักบทหนังออกมาในระหว่างการนั่งกระเช้าสกี แล้วเกริ่นว่า 'เอ้า ลองดูนี่สิ !' ทุกทีเลย""ผมชอบบทแอ็คชั่นของหนังเรื่องนี้" ชวาร์เซเนกเกอร์เล่า "มันเต็มขั้นดราม่า และประสบการณ์ชวนสับสนของ กอร์ดี้ ทั้งยังมีอารมณ์ของเรื่อง และความสมจริงของสถาณการณ์ที่อ้างอิง" การที่เขาเป็นผู้นำครอบครัวในชีวิตจริง ทำให้เขาเข้าถึงหัวอกของบทนำแสดงได้อย่างไม่ยากนัก "ถ้าคุณรักครอบครัวของคุณ ก็คงจะนึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าเห็นครอบครัวของคุณต้องพลัดพรากไปต่อหน้าต่อตา จุงไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ เพียงจินตนาการว่าสถานการณ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร คุณก็จะเข้าถึงอารมณ์ของเรื่องได้ในทันที มันเป็นความแค้นที่ผลักดัน กอร์ดี้ ให้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว" ชวาร์เซเนกเกอร์ ยังปลื้มไม่น้อยที่ได้รับบทเป็น นักผจญเพลิง "ผมอาจจะเป็น ฮีโร่ ในหนังเรื่องนี้ แต่ ฮีโร่ ตัวจริงทั้งหลายนี่เสี่ยงชีวิตของพวกเขาปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญอยู่ทุกวี่วัน" เขากล่าวอย่างชื่นชม "ยิ่งเกิดเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายนด้วยแล้วก็ได้เห็นทั้ง นักผจญเพลิง, ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์, และอาสาสมัครกู้ภัย ต้องเสี่ยงชีวิต หรือแม้แต่เสียชีวิตของตัวเอง เพื่อช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่น""ผมนับถือนักผจญเพลิงมาโดยตลอด" เขากล่าวต่อ "ยิ่งตอนนี้ยิ่งนรับถือมากขึ้นอีกหลายสิบเท่า ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ผู้คนจะชื่นชมนักผจญเพลิงทั้งในสหรัฐอเมริกา ( United States ) และทั่วโลกมากขึ้นอีกแยะเลยครับ"อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ( Arnold Schwarzenegger ) เคยแสดงบทบาทที่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ไว้อยู่หมัดมานักต่อนัก บท กอร์ดี้ บรูเออร์ ( Gordy Brewer ) จะช่วยเสริมความสามารถในฐานะนักแสดงเพิ่มขึ้น ถึงแม้ กอร์ดี้ จะเป็นคนกล้า, มีความสามารถ และศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างน่ายกย่อง แต่เขาก็ยังเป็นปุถุชนที่บางครั้งก็มืดแปดด้าน, ระทมทุกข์จากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต, ระย่อท้อถอย, และสับสนจนเข้าขั้นวิตกจริต"ฝีมือการแสดงของ อาร์โนลด์ โดนใจเข้าเต็มเปา" ผู้กำกับภาพยนตร์ เดวิส ชื่นชม "เขาแสดงบทนี้ได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ทำให้ กอร์ดี้ น่าเชื่อถือ, น่าเห็นใจ, ฉลาด, และมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ถ้าย้อนกลับไปดูบทบาทก่อนหน้านี้ของ อาร์โนลด์ เขาไม่เคยมีโอกาสรับบทเป็นปุถุชนคนจริงในหนังแนวดราม่าเลยสักครั้ง""อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ( Arnold Schwarzenegger ) เคยสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมมาแล้วเมื่อเขาตัดสินใจนำแสดงใน 'Twins' ไง" เดวิด ฟอสเตอร์ ( David Foster ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์รำลึกความหลัง "เพราะไม่เคยมีใครคาดคิดว่า เขาจะกล้ารับบทตลกเฮฮา และมันก็พิสูจน์แล้วว่า เขามีพรสวรรค์เชิงตลกเฮฮาไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ดูราวกับว่าใครต่อใครจะลืมเลือนความสามารถเด่นข้อนั้นไปเสียแล้ว ใน 'Collateral Damage' นี่เขาจะเผยให้เห็นถึงความสามารถเชิงการแสดงในอีกด้านหนึ่งที่จะเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ประกอบสัมมาชีพเยี่ยงปุถุชน แล้วจู่ ๆ ก็ต้องเผชิญหน้ากับภัยก่อการร้ายขั้นร้ายแรง และพยายามประคับประคองตัวให้รอดพ้นจากสภาพจิตทุกข์ระทมไปให้ได้ มันเป็นบทบาทที่เราจะไม่เคยเห็น อาร์โนลด์ มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว และอึดเท่านี้มาก่อน เขาเป็นนักแสดงที่น่าประทับใจมาก เขาสวมวิญญาณเป็นตัวละครเอกของเรื่องได้อย่างน่าเชื่อถือจริง ๆ""หนังเรื่องนี้อาจจะนำเสนอ อาร์โนลด์ ที่แปลกหูแปลกตาไปสักหน่อย" สตีเว่น รูเธอร์ ( Steven Reuther ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เห็นพ้อง "ต่างไปจากบท ฮีโร่ ที่ไม่มีใครโค่นเขาลงได้อย่างที่เราคุ้นตากันมาตลอด คราวนี้เขารับบทเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่มีหน้าที่การงาน และมีครอบครัวแสนอบอุ่น แล้วจู่ ๆ เขาก็ต้องถลำลึกเข้าไปรับบทเป็น ฮีโร่ ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ เขาต้องรวบรวมความกล้าแกร่งจากภายในจิตใจทั้งหมดมาใช้ คุณอาจจะถามว่า 'อ้าว แล้วปืนกลของเขาหายไปไหนเสียล่ะ ?' แต่คุณจะไม่ได้เห็นเขาเป็นตัวละครแบบนั้นในหนังเรื่องนี้แน่ ๆ" เมื่อได้ตัว ชวาร์เซเนกเกอร์ มารับบทนำแสดงแล้ว คณะผู้สร้างภาพยนตร์ก็เริ่มคัดเลือกนักแสดงสมทบมารับบทต่าง ๆ "เราโชคดีมาก" เดวิสเล่า "ที่คัดเลือกนักแสดงหลากหลายเชื้อชาติมาร่วมแสดงด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟรานเซสก้า เนอรี่ ( Francesca Neri ) นักแสดงสาวชาวอิตาเลี่ยน ( Italian ) ที่ทั้งสวย และยังเปี่ยมด้วยความสามารถ, คลิฟ เคอร์ติส ( Cliff Curtis ) สุดยอดนักแสดงจากนิว ซีแลนด์ ( New Zealand ) ที่ปรับเปลี่ยนบุคลิกเข้ากับตัวละครหลากหลาย, เอลเลียส โคทีส ( Elias Koteas ) ที่ผมร่วมงานด้วยมานาน และทำให้ผมนึกถึงดาราคคุณภาพระดับ โรเบิร์ต เดอ นีโร่ ( Robert De Niro ) และ โรเบิร์ต ดูวัล ( Robert Duval ) เลยทีเดียว ทั้งยังได้ จอห์น ลากีซาโม ( John Leguizamo ) สุดยอดอัจฉริยะแห่งมุขเฮฮา, และ จอห์น เทอร์เทอร์โร่ ( John Turturro ) เจ้าบทบาทมาร่วมแสดงด้วย""เราได้นักแสดงหลากหลายที่มาร่วมแสดงกันได้อย่างเข้าขาลงตัว" รูเธอร์กล่าวอย่างตื่นเต้นที่เห็นนักแสดงทุกคนรับบทบาทต่าง ๆ และแสดงร่วมกันได้อย่างลงตัว (ยังมีต่อ)

ข่าวการสร้างภาพยนตร์+ภาพยนตร์เรื่องวันนี้

Kickboxer III: Armageddon การกลับมาของตำนานบนแผ่นดินไทยที่งาน Super Fight Night

ทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดัง Kickboxer นำโดย Dimitri Logothetis ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างวิสัยทัศน์ พร้อมกับผู้ร่วมอำนวยการสร้าง Rob Hickman ประกาศการสร้างภาพยนตร์ภาคล่าสุด "Kickboxer III: Armageddon" ซึ่งมีกำหนดถ่ายทำในประเทศไทยในปี 2025 โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Super Fight Night ณ สนามมวยชื่อดังของไทย ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ Kickboxer ในตำนานที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1989 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับและอำนวยการสร้างโดย Dimitri Logothetis พร้อมด้วย Rob Hickman ในฐานะผู้ร่วมอำนวยการสร้าง นำ

GOYA CARES สะท้อนปัญหาการค้าเด็กผ่านภาพยนตร์เรื่อง "SOUND OF FREEDOM"

เปิดโปงความชั่วร้ายและมอบความหวังให้แก่เด็กสองล้านคนที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ โกย่า แคร์ส (Goya Cares) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่องใหม่ "SOUND OF FREEDOM" ฉลองความสำเร็จหลังจำนวนผู้ชมภาพยนตร์ทะลุเป้า 2 ล้านคน ซึ่ง...

เตรียมพบภารกิจครั้งใหม่ที่มาพร้อมกับการไข... "เดฟ บาวติสตา" กลับมาพร้อมแอคชั่นสุคฮา ใน "My Spy พยัคฆ์ร้าย สปายแสบ" — เตรียมพบภารกิจครั้งใหม่ที่มาพร้อมกับการไขความลับ แต่กลับเจอสายป่วนฝึกหัด ที่มาสกัด...

มหาวิทยาลัยศรีปทุม จับมือสหมงคลฟิล์มและผู... ม.ศรีปทุม ชวนร่วมเทศกาลฉายหนัง 3 — มหาวิทยาลัยศรีปทุม จับมือสหมงคลฟิล์มและผู้กำกับชื่อดังอย่าง บัณฑิต ทองดี และ ปรัชญา ปิ่นแก้ว เชิญชวนผู้สนใจ...