ธ.ก.ส.เผยมาตรการช่วยเกษตรกรน้ำท่วม

กรุงเทพ--12 ก.ย.--ธ.ก.ส. รัฐมนตรีชวรัตน์ล่องใต้ ปลอบขวัญเกษตรกรเมืองบาดาล เรื่องปัญหาหนี้สินสบายใจได้ เดือดร้อนจริง ธ.ก.ส. พร้อมผ่อนปรนให้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยในโอกาสที่ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรที่ประสบอุทกกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพรและระนองเมื่อวันที่ 11กันยายนที่ผ่านมาว่า จากการประเมินความเสียหายในเบื้องต้นของ ธ.ก.ส. อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นซีตาได้สร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคใต้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรชาวจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ พัทลุง สตูล และพังงา ซึ่งถูกน้ำท่วมจมพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 1.8 ล้านไร่ มีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกว่า 100,000 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายประมาณ 4,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ประมาณ 1.2 ล้านไร่ จำนวนเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 48,000 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท ผลิตผลที่ถูกน้ำท่วมส่วนใหญ่เป็นนาข้าว พืชไร่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล บ่อกุ้ง บ่อปลา และปศุสัตว์ สำหรับความช่วยเหลือของ ธ.ก.ส. แก่เกษตรกรที่ประสบอุทกกภัยจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นซีตาในครั้งนี้ นายชวรัตน์กล่าวว่า นอกเหนือไปจากการนำเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรจนถึงพื้นที่น้ำท่วมแล้ว ในด้านของหนี้สิน ธ.ก.ส.ยังได้เตรียมมาตรการที่จะช่วยผ่อนปรนให้กล่าวคือภายหลังน้ำลด พนักงาน ธ.ก.ส.จะออกไปสำรวจและประเมินความเสียหายที่แท้จริงของเกษตรกรลูกค้าแต่ละราย หากพบว่าผลผลิตเสียหาย ไม่มีเงินเพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ทั้งหมดหรือบางส่วน ธ.ก.ส. จะพิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้ 1 ปี และถึงแม้ว่าจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งปกติจะต้องเสียดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3 ต่อปี ในกรณีนี้จะได้รับการพิจารณาผ่อนปรนไม่ต้องเสียดอกเบี้ยปรับดังกล่าว นอกจากนั้นยังสามารถที่จะกู้เงินสัญญาใหม่เพื่อนำไปฟื้นฟูสภาพการเกษตรฯ ได้อีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วหากเกษตรกรมีหนี้ค้างชำระจะไม่สามารถขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส. ได้อีกจนกว่าจะชำระหนี้เก่าเสร็จสิ้น ส่วนมาตรการผ่อนปรนหนี้สินนอกเหนือจากนี้ นายชวรัตน์กล่าวว่า จะต้องพิจารณาถึงความเสียหายของเกษตรกรที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายๆ ไป หากพบว่ามาตรการผ่อนปรนหนี้สินในเบื้องต้น ยังไม่อาจลดภาระหนักให้แก่เกษตรกรได้เท่าที่ควร ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องประมวลความเสียหายเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นการงดคิดดอกเบี้ย การลดอัตราเบี้ยหรือการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้ยาวนานออกไปมากๆ โดยมีระยะเวลาปลอดหนี้ให้ด้วยเป็นต้น แต่มาตรการผ่อนปรนหนี้สินให้เป็นกรณีพิเศษเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะถ้ารัฐบาลไม่อาจจัดสรรงบประมาณแผ่นดินที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อชดเชยให้แก่ ธ.ก.ส. ได้ สิ่งที่ตามมาก็คือจะเกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของ ธ.ก.ส. ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเป็นเรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเกษตรกรที่เคยประสบความเดือดร้อนจากพายุไต้ฝุ่นเกย์เมื่อปี 2532 และมาประสบอุทกภัยในปีนี้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรในจังหวัดชุมพรนั้น นายชวรัตน์กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดกับเกษตรกรกลุ่มนี้คงมีไม่มากนัก เนื่องจากหนี้สินเดิมที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ยังอยู่ในช่วงระยะเวลาปลอดหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยนอกจากนั้นยังมีกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ ซึ่งผ่อนปรนให้ยาวนานถึง 18 ปี อย่างไรก็ตามถ้าเกษตรกรในกลุ่มนี้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้นจนแบกรับภาระไม่ไหว ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องนำมาพิจารณาเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาให้ในโอกาสต่อไป--จบ--

• ข่าวธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
• ข่าวธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
• ข่าวธนาคารเพื่อการเกษตร
• ข่าวการเกษตรและสหกรณ์
• ข่าวการกระทรวงการคลัง