ธนาคารอาคารสงเคราะห์ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีทุจริตในการปล่อยสินเชื่อ

กรุงเทพ--12 พ.ย.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ นายสิริวัฒน์ พรหมบุรี ได้ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณี "การทุจริตในการให้สินเชื่อของพนักงานธนาคารฯ" ที่ปรากฎเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2541 เป็นต้นมา เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง และมิให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของปรชาชน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในสถานะและภาพพจน์ของธนาคารฯ ตามประเด็นข่าวที่เกิดขึ้น ธนาคารฯ จึงขอชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้ 1. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินงานเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลด้านการให้บริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ตลอดระยะเวลา 45 ปี ที่ผ่านมา ธนาคารฯ ตระหนักถึงภาระหน้าที่หลักในการให้บริการสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้ปรชาชนสามารถจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง และจากกรณีข่าวที่เกิดขึ้นนั้นธนาคารฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเร่งดำเนินการแก้ไขไปแล้วในระดับหนึ่ง ความคืบหน้าปัจจุบันธนาคารฯ ได้ประเมินค่าความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นครั้งนี้ในเบื้องต้นแล้ว คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 0.10 ของยอดสินเชื่อทั้งหมดที่ธนาคารฯ ได้ปล่อยไปแล้วกว่า 300,000 ล้านบาท และวิธีการปล่อยสินเชื่อของธนาคารฯ ทุกรายการจะต้องมีหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ในการป้องกันความเสี่ยงของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารฯ อยู่ส่วนหนึ่งแล้ว ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้จึงมีจำนวนไม่มากนัก 2. ปัจจุบันธนาคารฯ มีหนี้ด้วยอคุณภาพซึ่งจัดเป็นหนี้ NPL ณ สิ้นเดือนกันยายน 2541 จำนวน 42,496 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.43 ของยอดหนี้คงเหลือทั้งหมด ซึ่งเป็นยอดหนี้ที่ธนาคารฯ ยังคงบันทึกบัญชีดอกเบี้ยค้างรับรวมสะสมอยู่ในปัญชีอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดรับรู้รายได้ จนกว่าจะมีการยึดทรัพย์จำหน่ายของลูกหนี้ออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ ซึ่งในจำนวนนี้ธนาคารฯ ได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้แล้วเต็มจำนวนสำหรับยอดหนี้ส่วนที่เกินมูลค่าหลักประกัน เป็นเงิน 7,465 ล้านบาท 3. อย่างไรก็ตาม จากแนวทางข้อ 2 ที่กล่าวมา ถึงแม้ธนาคารฯ จะได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญและหักเป็นค่าใช้จ่ายออกจากกำไรจากการดำเนินงานไปแล้วก็ตาม ธนาคารฯ ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานในปี 2540 จำนวน 4,442 ล้านบาท มีกำไรในปี 2541 ถึงสิ้นเดือนกันยายน ในเบื้องต้นจำนวนประมาณ 4,550 ล้านบาท และยังคงมีเงินกองทุนที่จะรองรับผลขาดทุนอยู่อีกจำนวน 19,600 ล้านบาท ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อความมั่นคงของธนาคารฯ รวมถึงประชาชนที่นำเงินมาฝากกับธนาคารฯ แต่อย่างใด 4. ธนาคารฯ ตระหนักถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มาใช้บริการ จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และมีการขยายผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวกระจายไปทุกสาขาอย่างทั่วถึง ครอบคลุมเกือบทุกจังหวัด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการตั้งสำรองและตัดเป็นค่าใช้จ่ายตามที่กล่าวมาในข้อ 3 เนื่องจากเป็นการตัดตอนกระบวนการหาผลประโยชน์จากลูกค้า จำกัดความเสียหายไม่ให้ขยายวงกว้างและไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป จึงทำให้ดูเหมือนว่ามีจำนวนความเสียหายกระจายไปมากมายในหลายจังหวัด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็มิได้อยู่นอกเหนือไปจากจำนวน NPL และสำรองค่าเผื่อหนี้สูญของธนาคารฯ ที่ได้ตั้งไว้แล้วแต่ประการใด--จบ--

• ข่าวกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์
• ข่าวธนาคารอาคารสงเคราะห์
• ข่าวสิริวัฒน์ พรหมบุรี
• ข่าวธนาคารอาคารสงเคราะ
• ข่าวการทุจริต