ปิดทางขึ้น-ลง เมืองทองธานีชั่วคราว

กรุงเทพ--3 ก.พ.--กทพ. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย จะปิดทางขึ้นจากเมืองทองธานีไปถนนแจ้งวัฒนะ และทางลงจากถนนแจ้งวัฒนะไปเมืองทองธานีเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2542 เป็นต้นไป ตามเงื่อนไขของบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด จนกว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะวินิจโดยชี้ขาดข้อพิพาทเป็นที่ยุติ และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการวินิจฉัยข้อพิพาทภายในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อมิให้ผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อนนานเกินควร การทางพิเศษฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด กับบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ตามสัญญาโดยมีการกำหนดในเรื่องอัตราค่าผ่านทางพิเศษ ในผนวก 4 ไว้ คือ 1. ค่าผ่านทางตั้งแต่ตอนถนนแจ้งวัฒนะถึงตำบลเชียงราก สำหรับรถ 4 ล้อ/6-10 ล้อ/เกิน 10 ล้อ ได้กำหนดไว้ 40/80/120 บาทต่อคัน ตามลำดับ 2. ค่าผ่านทางพิเศษตั้งแต่ตอนตำบลเชียงรากถึงอำเภอบางไทร สำหรับรถ 4 ล้อ/6-10 ล้อ/เกิน 10 ล้อ ได้กำหนดไว้ 10/20/30 บาทต่อคัน ตามลำดับ จากการประชุมเจรจาระหว่างการทางพิเศษฯ กับบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ ได้มีปัญหาข้อขัดแย้งเกี่ยวกับอัตราค่าผ่านทางที่จะจัดเก็บช่วงทางขึ้นจากเมืองทองธานีไปที่ถนนแจ้งวัฒนะ และทางลงจากถนนแจ้งวัฒนะไปที่เมืองทองธานี โดยการทางพิเศษฯ เห็นว่าข้อสัญญาที่ลงนามกันนั้นไม่ครอบคลุมถึงอัตราค่าผ่านทางในช่วงดังกล่าว เพราะการก่อสร้างทางขึ้น-ลงทางด่วนสี่ทิศทางบริเวณเมืองทองธานี มีการเจรจาจะสร้างกันมาตั้งแต่ก่อนทำสัญญา แต่ยังไม่เคยมีข้อตกลงในเรื่องอัตราค่าผ่านทาง ประกอบกับตามข้อเท็จจริง บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ มิได้เป็นผู้ออกค่าก่อสร้าง แต่บริษัทบางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ออกค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 255,200,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และรัฐบาลจ่ายสมทบอีกจำนวน 49,739,800 บาท รวมเป็นค่าก่อสร้างและภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% แล้ว เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 304,939,800 บาท นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้รองรายกรัฐมนตรี (นายสุขวิช รังสิตพล) ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในขณะนั้นไปเจรจากับบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ และผู้ให้กู้แก่โครงการนี้เพื่อปรับลดอัตราค่าผ่านทางตามความเหมาะสมต่อไป แต่การเจรจากับบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ ตลอดมาไม่สามาราถหาข้อยุติเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าผ่านทางในช่วงดังกล่าวได้ โดยบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ มีข้อโต้แย้งว่า ให้ใช้อัตราค่าผ่านทางตามที่กำหนดไว้ การทางพิเศษฯ เห็นว่าเพื่อให้สามารถเปิดใช้ทางด่วนได้ทันการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 จึงได้แยกเสนอออกประกาศกระทรวงมหาดไทย กำหนดอัตราค่าผ่านทางตามข้อ 47 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 เป็นสองฉบับ ฉบับแรกซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักไม่รวมทางขึ้นจากเมืองทองธานีไปที่ถนนแจ้งวัฒนะ และทางลงจากถนนแจ้งวัฒนะไปที่เมืองทองธานี มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2541 เป็นต้นไป ส่ววนอีกฉบับหนึ่งได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เฉพาะช่วงทางขึ้นจากเมืองทองธานี ไปที่ถนนแจ้งวัฒนะ และทางลงจากถนนแจ้งวัฒนะไปที่เมืองทองธานีเป็นการชั่วคราวในอัตรา 40 บาท สำหรับรถ 4 ล้อไปก่อน เป็นระยะเวลา 60 วัน ทั้งนี้เพราะบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ มีข้อเสนอที่จะบริจาคเงินในอัตราคันละ 20 บาท (เก็บคันละ 20 บาท) นับตั้งแต่วันเปิดใช้ทางด่วนเป็นระยะเวลา 60 วัน (ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2541 ถึงวันที่ 30 มกราคม 2542) เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ และหาข้อยุติเรื่องค่าผ่านทางในระหว่างนั้น การทางพิเศษฯ ได้เสนอให้ "คณะผู้พิจารณา" ดำเนินการตามสัญญา เพื่อพิจารณาข้อขัดแย้ง โดย "คณะผู้พิจารณา" ได้ให้คู่พิพาททั้งสองฝ่ายมีการเจรจากันอย่างฉันท์มิตรแล้ว แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ขั้นตอนต่อไปจึงต้องเสนอเรื่องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ เพื่อชี้ขาดตามสัญญา เนื่องจากประกาศกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าผ่านทางช่วงทางขึ้นจากเมืองทองธานีไปที่ถนแจ้งวัฒนะ และทางลงจากถนนแจ้งวัฒนะไปที่เมืองทองธานี จะครบกำหนดใช้บังคับในวันที่ 30 มกราคม 2542 การทางพิเศษฯจึงได้มีหนังสือขอให้บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ ขยายเวลาบริจาคเงินค่าผ่านทางในอัตราเดิมสำหรับรถซึ่งขึ้นลงที่ด่านเมืองทองธานีต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2542 เพื่อดูผลการวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือฯ ได้มีหนังสือแจ้งการทางพิเศษฯว่าบริษัทฯ จะขยายระยะเวลาการบริจาคเงินออกไปอีก 60 วัน จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2542 แต่ลดจำนวนเงินบริจาคลงเหลืออัตราคันละ 10 บาท (เก็บคันละ 30 บาท) ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า หากพ้นกำหนด 60 วันนี้แล้ว ถ้าผลการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการในเรื่องนี้ยังไม่เป็นที่ยุติการทางพิเศษฯ ต้องใช้อัตราค่าผ่าน 40 บาท ต่อไป จนกว่าจะทราบผลการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการและหากการทางพิเศษฯ ไม่เห็นด้วยบริษัทขอให้การทางพิเศษฯ ปิดทางขึ้น-ลงทานด่วนเมืองทองธานี ดังกล่าวไว้ชั่วคราวในระหว่างที่นอผลการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ การทางพิเศษฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่อัตราต้นทุนในช่วงดังกล่าวตามความเห็นของการทางพิเศษฯ ไม่ควรเป็นอัตราค่าผ่านทางคันละ 30 บาท ดังนั้น การที่บริษัทฯ ขยายระยะเวลาการบริจาคเงินออกไปอีก 60 วัน จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2542 ในอัตราเพียงคันละ 10 บาท (เก็บคันละ 30 บาท) และหากคณะอนุญาโตตุลาการพิจารณาไม่เสร็จก็ต้องเก็บต่อไปคันละ 40 บาทนั้น จะเป็นการเก็บเกินความเป็นจริง และยุ่งยากแก่การชดเชยผู้ใช้ทางในภายหลัง นอกจากนี้การเก็บเกินอัตราต้นทุน โดยมีเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้นอาจมีผลต่อการพิจารณาวินิจฉัยข้อพิพาทของคณะอนุญาโตตุลาการ ในทางใดทางหนึ่งซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อผู้ใช้ทางในอนาคต การทางพิเศษฯ จึงไม่อาจรับข้อเสนอดังกล่าวได้ ดังนั้นในระหว่างการรอผลการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ การทางพิเศษฯ จึงจำเป็นต้องปิดทางขึ้นจากเมืองทองธานีไปที่ถนนแจ้งวัฒนะ และทางลงจากถนนแจ้งวัฒนะไปที่เมืองทองธานี เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2542 เป็นต้นไป ตามเงื่อนไขของบริษัทฯ จนกว่าคณะอนุญาโตตุลาการจะวินิจฉัยข้อพิพาทเป็นที่ยุติโดยจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการให้มีการวินิจฉัยข้อพิพาทภายในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อมิให้ผู้ใช้ทางต้องได้รับความเดือดร้อนนานเกินควร การทางพิเศษฯ หวังใจว่าผู้ใช้ทางในบริเวณดังกล่าวจะเข้าใจถึงเจตนารมณ์และความปรารถนาดีของการทางพิเศษฯ--จบ--

• ข่าวการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
• ข่าวทางด่วนกรุงเทพเหนือ
• ข่าวกระทรวงมหาดไทย
• ข่าวทางด่วนกรุงเทพ
• ข่าวแห่งประเทศไทย