โตโยต้า คาดการณ์ ตลาดรถยนต์ 2545 สดใส ตลาดรวมทะลุ 320,000 คัน

กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--โตโยต้า (ประทศไทย) โตโยต้า คาดการณ์ ตลาดรถยนต์ 2545 สดใส ตลาดรวมทะลุ 320,000 คัน - เป้าหมายการขายโตโยต้า 95,000 คัน มร. เรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงการคาดหมายตลาดรถยนต์ปี 2545 ซึ่งจะมีการเจริญเติบโตเป็นอย่างดีด้วยตัวเลขตลาดรวม 320,000 คัน และเป้าหมายการขายรถยนต์โตโยต้า 95,000 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 29.7 % ทางด้านยอดขายตลาดรวมประจำปี 2544 ของโตโยต้า บรรลุเป้าหมายการขายเป็นผู้นำตลาดติดต่อกันเป็นปีที่ 23 ด้วยตัวเลข 83,514 คัน เติบโต 17.1 % ผลจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 2 รุ่น ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ "โคโรลล่า อัลติส" และ "ไฮลักซ์ไทเกอร์ D-4D" โตโยต้าประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายการขาย และเป็นผู้นำใน 2 ตลาด ได้แก่ - ตลาดรถยนต์รวม - ยอดขายประจำปี 2544 83,514 คัน อัตราส่วนการเจริญเติบโต 17.1 % - ตลาดรถยนต์นั่ง - ยอดขายประจำปี 2544 35,448 คัน อัตราส่วนการเจริญเติบโต 29.9 % ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.) การแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ "โคโรลล่า อัลติส - Break Into Style" ปรากฏการณ์ใหม่ที่ "เปลี่ยนทุกสิ่งอย่างมีสไตล์" ด้วยการเปลี่ยนใหม่หมดตลอดคันจากหัวจรดท้าย ตั้งแต่รูปโฉมภายนอกที่โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ภายในที่หรูหรา เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เครื่องยนต์ใหม่ ระบบ VVT-I ประสิทธิภาพสูง ผสานระบบความปลอดภัยขั้นสูง เสมือนที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์นั่งระดับหรู จนกระทั่งสื่อมวลชนให้การยอมรับและขนานนามให้เป็น "Baby Lexus" จึงทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างสูง และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในความสำเร็จของตลาดรถยนต์นั่งประจำปี 2544 ของโตโยต้า และยังตอกย้ำความสำเร็จด้วยการเป็นรถยนต์นั่งที่ได้รับรางวัล J.D. Power 2001 ทางด้านความพึงพอใจของลูกค้า จากสถาบัน J.D. Power Asia Pacific ซึ่งได้มีการทำพิธีมอบโล่ห์เกียรติยศให้กับคณะผู้บริหารของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2544 ณ อาคารสำนักงานใหญ่โตโยต้า 2.) การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการรถกระบะขนาด 1 ตัน เมืองไทย "ไฮลักซ์ ไทเกอร์ D-4D" เป็นการปรับปรุงโฉมครั้งสำคัญของ "ไฮลักซ์ ไทเกอร์" โดยการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ล่าสุด "2 KD - FTV 2500 ซีซี - คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจคชั่น DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ" บรรจุไว้ในรถกระบะขนาด 1 ตัน เป็นครั้งแรกของเมืองไทย ถึงพร้อมด้วยสมรรถนะเร้าใจ และประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22.08 กม./ลิตร ที่ความเร็วคงที่ 60 กม./ชั่วโมง และยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกในประเทศไทย ที่ผ่านมาตรฐานควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ EURO Step III มาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในตลาดรถกระบะเมืองไทย และยังเสริมความพิเศษยิ่งกว่าด้วยการแนะนำรถกระบะรุ่น "สปอร์ต ครูสเซอร์" ซึ่งเป็นรถรุ่นที่กำลังอยู่ในความสนใจของลูกค้าทั่วไป และเป็นที่คาดหมายว่าจะมีการเจริญเติบโตเป็นอย่างสูงในปี 2545 พร้อมทั้งการแนะนำ เกียร์อัตโนมัติใหม่ Ect-I ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ D-4D อีกด้วย และนอกจากนี้โตโยต้ายังเป็นบริษัทรถยนต์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยการการทุ่มเทพัฒนาการบริการหลังการจำหน่าย อาทิเช่น การนำเสนอการบริการหลังการจำหน่ายรูปแบบใหม่ "Thunder Service" เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจใหม่ให้กับลูกค้านอกจาก การรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กม. ซึ่งโตโยต้าเป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทยที่นำเสนอเงื่อนไขการบริการที่รับผิดชอบสูงสุดนิ้สู่ลูกค้า ผสานกับการบริการด้านการเงินด้วยเงื่อนไขในการซื้อด้วยวิธีการผ่อนชำระที่น่าประทับใจจาก บริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด แสดงถึงความเป็นรถยนต์คุณภาพสูง และความจริงใจในการมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ส่วนทางด้านความเคลื่อนไหวของตลาดที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นในปีนี้ ได้แก่ตลาดรถยนต์นั่ง - หลังจากการแนะนำ "โคโรลล่า อัลติส" ใหม่ ในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ตลาดรถยนต์นั่งของโตโยต้ามีอัตราการเจริญเติบโตเป็นอย่างสูง - ยอดขายรถยนต์นั่ง มกราคม-เมษายน 8,200 คัน ยอดขายเฉลี่ย 2,050 คันต่อเดือน - ยอดขายสะสม พฤษภาคม-ธันวาคม 27,248 คัน ยอดขายเฉลี่ย 3,406 คันต่อเดือน - อัตราการเจริญเติบโตยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนพุ่งสูงขึ้นถึง 66.0 % จากช่วงก่อนการแนะนำตัวตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน - ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเช่นกัน หลังจากการแนะนำ "ไฮลักซ์ ไทเกอร์ D-4D" ใหม่ ในเดือนตุลาคม - ยอดขายรถกระบะขนาด 1 ตัน มกราคม-กันยายน 26,778 คัน ยอดขายเฉลี่ย 2,975 คันต่อเดือน - ยอดขายหลังการแนะนำตัว "ไฮลักซ์ ไทเกอร์ D-4D" ในเดือนตุลาคม เดือนตุลาคม 4,444 คัน เดือนพฤศจิกายน 5,010 คัน เดือนธันวาคม 6,600 คัน - ยอดขายสะสมในไตรมาสสุดท้าย 16,054 คัน ยอดขายเฉลี่ย 5,351 คันต่อเดือน - อัตราการเจริญเติบโตยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนพุ่งสูงขึ้นถึง 80.0 % จากช่วงก่อนการแนะนำตัวจึงเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จและได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากลูกค้าในประสิทธิภาพ และสมรรถนะของรถกระบะ "ไฮลักซ์ ไทเกอร์ D-4D" ใหม่ได้เป็นอย่างดี และทางด้านความเคลื่อนไหวของตลาดรถรถกระบะขนาด 1 ตันในปีที่ผ่านมาพบว่า "ไฮลักซ์ ไทเกอร์ D-4D" ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าตลาดในเซกเมนท์ของ รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ - สปอร์ต ครูสเซอร์ และ สปอร์ตไรเดอร์ ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตเป็นอย่างมากทุกรุ่น หลังจากการแนะนำเครื่องยนต์ใหม่ D-4D ส่วนทางด้านของการคาดหมายตลาดรถยนต์ประจำปี 2545 โตโยต้าคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่ระดับตัวเลข 320,000 คัน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการขายประจำปีไว้ที่ 95,000 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 29.7 % โดยมีปัจจัยบวกที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของตลาดรถยนต์ ดังต่อไปนี้ 1.) ผลจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปี 2545 น่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขี้น โดยมีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.8 - 2.0% (ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ มีแนวโน้มในการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถกระตุ้นความต้องการในการใช้รถยนต์ให้สูงขึ้น 2.) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากมาตรการฟื้นฟูจากภาครัฐ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน 3.) อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องแสดงถึงนโยบายกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของรัฐบาล จะมีผลให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งรถยนต์เป็นสินค้าจำเป็นต่อชีวิตประจำวันและอยู่ในความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ผนวกกับอัตราดอกเบี้ยการเช่าซื้อรถยนต์ที่ลดต่ำลงเป็นอย่างมาก น่าจะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก 4.) การมีเสถียรภาพของระดับราคาน้ำมัน ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภค และกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของการบริโภคภายในประเทศดีขึ้น 5.) จากวัฎจักรการซื้อรถยนต์ใหม่ เพื่อแทนรถยนต์เก่า (Replacement) ซึ่งผู้บริโภคได้ชะลอการซื้ออย่างมากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปลายปี 2540 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี จึงน่าจะเป็นปัจจัยให้มีการซื้อรถยนต์ใหม่ เพิ่มขึ้น 6.) ปัจจัยภายนอก ซึ่งมีแนวโน้มว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังของปีนี้ จะทำให้การคาดการณ์ว่า การส่งออกของไทยจะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจได้ดีกว่าในปีที่ผ่านมา 7.) การปรับตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคไปสู่การเปิดเสรีการค้าและการลงทุนมากขึ้น การเข้าร่วมกับองค์กรการค้าโลก (WTO) ของจีน น่าจะมีผลให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยมีความสำคัญ ในด้านการลงทุนและการจ้างงานมากขึ้น และทางด้านของการส่งออกในปี 2544 โตโยต้าสามารถบรรลุเป้าหมายการส่งออกโดยสามารถส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้ถึง 12,027 คัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 11,400 คัน ซึ่งเป็นการส่งออก "ไฮลักซ์ ไทเกอร์" จำนวน 11,024 คันไปจำหน่ายในประเทศ ออสเตรเลีย ลาว ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เนปาล และสิงคโปร์ โดยตลาดหลักอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และ "โซลูน่า" จำนวน 996 คัน ส่งออกไปจำหน่ายในประเทศ สิงคโปร์ บรูไน เนปาล และศรีลังกา โดยตลาดหลักอยู่ที่ประเทศ สิงคโปร์ และรุ่นอื่น ๆ อีกจำนวน 7 คัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปทั้งสิ้น 4,541.91 ล้านบาท และนอกจากนี้โตโยต้า ยังได้ส่งออก เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่ ตลอดจนถึง แม่พิมพ์ และแท่นพิมพ์ ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เป็นมูลค่า 8,383.74 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกของโตโยต้าทั้งสิ้น 412,925.65 ล้านบาท ในปี 2544--จบ-- -นห-

• ข่าวโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย
• ข่าวเรียวอิจิ ซาซากิ
• ข่าวโตโยต้า มอเตอร์
• ข่าวรถยนต์โตโยต้า
• ข่าวตลาดรถยนต์