สร้างมิติใหม่ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งภาพยนตร์ พร้อมเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กิจกรรมประเดิมเที่ยวทั่วไทยไปได้ทุกเดือน ต้อนรับปีใหม่ 2546

กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--ททท. ททท. ผนวกความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เปิดประตูการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ให้เป็น เมืองแห่งภาพยนตร์ ด้วยการจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯหรือ Bangkok International Film Festival ให้เป็นกิจกรรมครั้งสำคัญรูปแบบใหม่ ให้วงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยทัดเทียมในระดับนานาชาติ ตามแนวคิด "From Masters to Present" นำเสนอผลงานชิ้นสำคัญยอดเยี่ยมจากผู้สร้างชั้นแนวหน้า จากอดีตสู่ปัจจุบัน เย็นวันนี้ (19 ธันวาคม 2545) โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับนายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ นายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ พร้อมด้วย Mr.Patrick De Bokay ผู้ประสานงานการจัดเทศกาลภาพยนตร์ในระดับนานาชาติ และนายเกรียงศักดิ์ ศิลากอง ในฐานะผู้คัดเลือกภาพยนตร์ ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าของการเตรียมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพฯ ที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 – 21 มกราคม 2546 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ร่วมกันจัดขึ้น โดยการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด บริษัท ที เอ ออเร้นจ์ จำกัด บริษัท การบินไทย(มหาชน) สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย วัตถุประสงค์ของการจัดงาน ก็เพื่อต้องการสร้างสรรค์ให้เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ กรุงเทพฯ เป็นกิจกรรมระดับนานาชาติที่สามารถดึงดูดกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์จากประเทศต่าง ๆ ให้เดินทางเข้ามาทำธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป ทั้งชาวต่างประเทศและชาวไทยที่สนใจในภาพยนตร์เป็นพิเศษ ขณะเดียวกันจะเป็นการพัฒนาธุรกิจบันเทิงโดยมุ่งให้วงการภาพยนตร์ไทยเกิดความทัดเทียมในระดับนานาชาติ และสามารถขยายตัวรองรับความต้องการของตลาดได้ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นเมืองภาพยนตร์ของภูมิภาคเอเชีย อีกด้วย เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ กำหนดจัดตาม โรงภาพยนตร์ชั้นนำ ณ บริเวณย่านสยามสแควร์ ได้แก่ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ โรงภาพยนตร์แกรนด์อีจีวี สยามดิสคัพเวอรี่ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีนีม่าซิตี้ มาบุญครอง และ โรงภาพยนตร์ลิโด โดยจัดฉายภาพยนตร์เรื่องเด่น ๆ จากฝีมือผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของนานาชาติ กว่า 30 ประเทศ จำนวนมากกว่า 100 เรื่อง รวมกับภาพยนตร์ไทยกว่า 20 เรื่อง ซึ่งจะจัดฉายหมุนเวียนกันตามโรงภาพยนตร์ดังกล่าว และบริเวณด้านหน้าของโรงภาพยนตร์จะมีการจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับศิลปะการทำโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่สวยงามและหาชมได้ยาก โดยได้รับความร่วมมือจากสถานทูตโปแลนด์ และหอภาพยนตร์ไทย ส่งโปสเตอร์ภาพยนตร์มาร่วมจัดแสดง และจะมีพิธีเปิดนิทรรศการในวันที่ 10 มกราคม 2546 ณ ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า นอกจากนี้กิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อให้เทศกาลมีสีสันยิ่งขึ้น ได้แก่ การจัดกิจกรรมดูหนังมาราธอน เพื่อทำลายสถิติของกินเนส บุ๊ค ที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาด้วยเวลา 53 ชั่วโมง ทั้งนี้จะเริ่มแข่งขันกันในวันที่ 10-12 มกราคม 2546 ส่วนพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ จะจัดขึ้น ในวันที่ 17 มกราคม 2546 ณ โรงภาพยนตร์สกาล่า ด้วยการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ จากฮอลลิวู้ด พร้อมกับการโชว์ตัวของผู้สร้างและดารานำ ต่อด้วยการจัดคอนเสิร์ตในวันที่ 18 มกราคม 2546 โดยการบรรเลงของวงบางกอกซิมโฟนีออเคสตรา ร่วมด้วย Maurice Jarre ผู้ประพันธ์เพลง ที่มีชื่อเสียง และงานกาล่าดินเนอร์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การแสดงผาดโผน หรือ สตั้นโชว์ ในวันที่ 19 มกราคม 2546 ณ บริเวณลานสยาม ดิสคัพเวอรี่ โดยนำเสนอความสามารถและจุดเด่นของมวยไทยในรูปแบบการแสดงสื่อผสม พร้อมการสัมภาษณ์นักแสดงบทบู๊ สามารถ พยัคฆ์อรุณ และผู้กำกับคิวบู๊ ฉลวย ศรีรัตนา การรวบรวมฉากบู้ แอ็คชั่นจากภาพยนตร์ทั่วทุกมุมโลก และการจำลองฉากผาดโผนจากภาพยนตร์จากนักแสดงทั้งชาวไทยและจากเอเชีย นอกจากนี้จะมีการเปิด WARNERS STORES บริเวณสยามสแควร์ ในเย็นวันเดียวกันด้วย สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการภาพยนตร์ และผู้สนใจที่เป็นนิสิต นักศึกษาด้านการแสดงและภาพยนตร์ สามารถที่จะเข้าร่วมเวิร์คช็อปในกลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาพยนตร์จากหลายค่าย โดยจัดขึ้น 2 เรื่อง ได้แก่ Digital Cinema Workshop และ Film Financing Workshop ในวันที่ 18 และ 20 มกราคม 2545 ณ ห้องอัมรินทร์ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ตามลำดับ และในวันที่ 21 มกราคม 2546 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน ที่โรงภาพยนตร์สกาลา จะมีพิธีมอบรางวัลกินรี ให้กับภาพยนตร์ที่ผ่านการตัดสิน ด้วยรางวัลกินรีทองที่ออกแบบขึ้นเป็นการเฉพาะ จากผลงานของผู้ช่วยศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง คณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มีโครงสร้างรูปทรงตามแบบเลขเก้าของไทย และใช้สัญญลักษณ์ตัวกินรี ดัดแปลงผสมผสานให้ดูเป็นศิลปะระหว่างตะวันออกกับตะวันตก เพื่อสื่อความหมายเรื่องความเชื่อ จินตนาการของคนในเอเชีย และเน้นถึงความรุ่งเรืองก้าวหน้า และการพัฒนาที่สูงขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการวางรากฐานการจัดงานของประเทศไทยในปีต่อๆไป และใช้เครื่องหมายของรางวัลนี้ให้เป็นรางวัลที่ทรงคุณค่างานหนึ่งในระดับนานาชาติ แหล่งข่าว กองประชาสัมพันธ์ ททท. โทรศัพท์ 0-2250-5500 ต่อ 1560/1562 โทรสาร 0-2250-5681 หรือดูได้ที่ : http://209.128.97.243/pr/detailnews.asp?id_repnews=734 ข่าวประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย http://www.tat.or.th/pr-- จบ-- -ตม-

• ข่าวอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย
• ข่าวศูนย์การค้าเวิลด์เทรด
• ข่าวเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์
• ข่าวอุตสาหกรรมภาพยนตร์
• ข่าวภาพยนตร์นานาชาติ